เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 กันยายน 2563 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วย พล.ต.ต. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต. ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมสองผู้ต้องหาในสองคดีสำคัญในที่เกิดขึ้นในจังหวัดสมุทรปราการ โดยคดีแรก ฝ่ายสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ นำทีมโดย พ.ต.อ. ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมด้วยกำลังฝ่ายสืบสวนภาค 1 ได้ร่วมกันจับกุมตัวนาย พิทักษ์ หรือ กิมจิ อู่ตุ้ม อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาฆ่านางรติการ์ เกียรติก้องนนท์ อายุ 42 ปี เจ้าของร้านขายอาหารแห้ง ในตลาดศรีวารี และหมกศพไว้ในบ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ตำบลศีรษะจระเข้น้อย อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนหอบทรัพย์สินเป็นเงินสดหลายหมื่นบาทและทองรูปพรรณน้ำหนักรวมกว่า 7 บาทมูลค่าเกือบ 2 แสนบาทหลบหนี ไปเช่าห้องอยู่ที่หมู่บ้านชุมชนมอญ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จนกระทั่งในชาวงหัวค่ำของวันที่ 1 กันยายน 2563 มีคนไปพบกลายเป็นศพอยู่ในบ้าน ก่อนเจ้าหน้าที่จะติดตามไปจับกุมตัวเอาไว้ได้ พร้อมของกลางซึ่งเป็นทรัพย์สินของผู้ตาย
นายพิทักษ์ หรือกิมจิ ได้ให้การรับสารภาพว่า ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่านางรติการ์ ภรรยาตนแต่อย่างใด และไม่ทราบด้วยซ้ำว่านางรติการ์ เสียชีวิต เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา ตนแค่ปกป้องตัวเองไม่อยากถูกนางรติการ์ ผู้เป็นภรรยาที่ชอบตบตีตนเท่านั้น เพราะเวลาที่ตนทำอะไรไม่ถูกใจ ผู้ตายมักจะดุด่าตบตีตนอยู่เป็นประจำ ส่วนทรัพย์สินประเภททองรูปพรรณประเภทสร้อยคอมือและสร้อยคอตนก็ไม่ได้ตั้งใจเอาไปเพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้ตายถอดและเอาใส่ไว้ในกระเป๋าที่ใส่เงินเอาไว้ ตนกะว่าจะเอาเพียงเงินไปเป็นค่ารถและค่ากินระหว่างทางเท่านั้น โดยไม่ทราบว่ามีสร้อยทองอยู่ในกระเป๋าด้วย โดยในวันที่เกิดเหตุตนถูกผู้ตายดุด่าและตบตี และตนก็ไม่อยากถูกผู้ตายตบตีอีกในระหว่างที่ผู้ตายตบตี และเกิดบันดาลโทสะ จึงเข้าไปใช้แขนล็อคคอผู้ตายเอาไว้เพื่อให้ผู้ตายตบตีตนไม่ได้ จนผู้ตายหมดสติ ตนคิดว่าผู้ตายน่าจะแค่สลบไป โดยก่อนออกจากบ้านตนยังเปิดแอร์ในห้องเอาไว้ให้ผู้ตายด้วยเพราะเกรงว่าผู้ตายจะร้อน ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าที่ผู้ตายเอาเงินใส่ไว้ติดตัวออกมาเพื่อเอาไว้เป็นค่ารถค่ากินก่อนที่จะนั่งรถมาเลื่อย ๆ จนกระทั้งมาถึงอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ตนจึงได้ข้ามไปเช่าห้องพักอยู่ในหมู่บ้านชุมชนมอญ แค่กะว่ารอให้ผู้ตายหายโมโหก็จะเดินทางกลับมาหาผู้ตายไม่ได้คิดหนีแต่อย่างใด เพราะทองของผู้ตายก็ยังอยู่ครบร่วมทั้งเงินสดที่ยังเหลือ ซึ่งตนก็ใช้ไปเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ส่วนโทรศัพท์ตนได้เปลี่ยนเบอร์โทรเพราะเกรงว่าผู้ตายจะโทรมาดูด่าอีก จึงเปิดเบอร์ใหม่ และก็ไม่ทราบด้วยว่าผู้ตายเสียชีวิต จนกระทั่งตำรวจตามไปจับกุมตัว จึงได้ทราบว่าผู้ตายเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา
ส่วนคดีที่สอง เป็นคดีชิงทรัพย์รถยนต์แท็กซี่รับจ้าง สีเขียวเหลือง ทะเบียน 1 มข 2878 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ในพื้นที่อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เวลา 04.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายชิงทรัพย์รถยนต์แท็กซี่รับจ้าง สีเขียวเหลือง ทะเบียน 1 มข 2878 กรุงเทพมหานคร และทำร้ายร่างกายผู้ขับขี่ที่บริเวณ ปากชอยสุขสวัสดิ์นิวศน์ 2 หมู่ 3 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงเดินทางเข้าตรวจสอบได้พบนายวิโรจน์ สัมมาบัติ อายุ 83 ปี คยนขีบแท็กซี่คันดังกล่าวที่ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บนั่งรอเจ้าหน้าที่อยู่ที่ที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้จอดรถจอผู้โดยสารอยู่ที่บริเวณปากซอยที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายเป็นชายจำนวน 1 คนได้เดินเข้ามาพร้อมทั้งเคาะกระจกเรียก ทำที่เหมือนว่าจะว่างจ้างจะให้ไปส่ง แต่พอตนเปิดกระจกได้ถูกชายคนดังกล่าวทำร้ายร่างกายและชิ่งเอาโทรศัพท์มือถือและขับรถแท็กซี่ของตนหลบหนีไป จนหน้าทีจึงได้กระจายกำลังออกค้นหาจนกระทั่งไปรถแท็กซี่คันดังกล่าวไปจอดรถทิ้งไว้บริเวณ หน้าปั้มน้ำมันบางจาก แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหล และจากการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสุพจน์ หรือด จุมพล อายุ 34 ปี อดีตนักมวยไทยอาชีพ หลังก่อเหตุได้ขับแท็กซี่มาจอดทิ้งและหลบหนีไป จึงกระจายกำลังกันออกไล่ล่า จนกระทั่งทราบว่า หลังก่อเหตุ นายสุพจน์ ได้หลบหนีไปเช่าห้องพักแห่งหนึ่งอยู่ที่ อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว และเตรียมที่จะหลบหนีออกนอกประเทศโดยช่องทางธรรมชาติ ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดสระแก้ว จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวเอาไว้ได้
จากการสอบสวน นายสุพจน์ ได้ให้การรับสารภาพว่า ขณะก่อเหตุตนเองมึนเมาสุรา และได้เดินไปเรียกแท็กซี่คันดังกล่าวเพื่อที่จะเหมาให้ไปส่งที่บ้านแม่ที่จังหวัดกาญจนบุรี แต่เกิดมีปากเสียงกับคนขับ และคนขับแท็กซี่คันดังกล่าวได้เอ่ยปากขับไล่ตน ว่าไอ้สัตว์ มึงเมาไปให้พ้น ตนจึงบันดาลโทสะลงมือทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อยก่อนที่จะแย่งเอาโทรศัพท์มือถือของผู้บาดเจ็บและขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวหลบหนีออกมาจอดทิ้งไว้หน้าปั้มน้ำมัน และนั่งรถโดยสารหลบหนีไปที่จังหวัดสระแก้ว เตรียมที่จะข้ามไปยังประเทศกัมพูชา โดยช่องทางธรรมชาติ แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ชิงทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคือโดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแกกายและจิตใจ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป