หลังจากพระพยอมประกาศรับคนงาน 500 คน เข้ามาทำงานที่วัดสวนแก้วเพื่อช่วยเหลือคนตกงานในยามเศรษฐกิจวิกฤติ ก็มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งลักษณะเป็นร่างทรง ออกมาไลฟ์และตำหนิพระพยอม ว่าเป็นพระหรือเปิดโรงงาน ออกไปทำมาหาแด_ อย่ามาอ้างบุญลวงโลก ไอ้พระไม่ยอม
โดยในไลฟ์ชายคนนี้ได้พูดทำนองว่าการที่ว่าเป็นพระหรือเปิดโรงงาน ออกไปทำมาหาแดก อย่ามาอ้างบุญลวงโลก ไอ้พระไม่ยอม นอกจากนี้ยังมีการไลฟ์สดทำนองว่าการที่พระพยอมเอาเงินมาแจก ทำให้คนแปลกแยก ทำไม่ถูก เพราะพระไม่มีต้นทุน เป็นพระเอาเงินมาจากไหน ถ้าทำแบบนี้แล้วพ้นทุกข์ ถามว่าคนจังหวัดนนท์พ้นทุกข์ไหม คนที่อยู่ข้างวัดพ้นทุกข์ไหม เป็นพระต้องให้หลักธรรม
ด้านพระพยอมกล่าวว่า
หลังจากประกาศวัดรับคนงานไปเพื่อช่วยเหลือคนตกงาน ให้มีที่อยู่ที่กิน ก็มีคนเดินทางมาสมัครทุกวัน วันละ 10 กว่าคน ใครใกล้ที่ไหนก็ไปสมัครที่นั้นทั้ง 11 สาขา ส่วนคนที่ถามว่าอาตมาเอาเงินจากไหนมาจ้างคนงาน คนๆ นี้บ้องตื้นมากคิดตามง่ายๆ เลย คนที่มาเก็บใบไผ่ให้วัดเอาไปทำปุ๋ยหมักขาย วัดก็ได้เงินมาจ่ายให้กับคนงาน เช่นเดียวกับคนที่ดูแลเก็บผักผลไม้วัด เอาไปขายก็ได้เงินแล้ว คนเราทำอะไรก็มีผลตอบแทนของสิ่งนั้นในตัวเอง คนงานทำงานก็ได้ส่วนแบ่งที่ควรได้รับไป วัดก็ได้กลับมาส่วนหนึ่งเพื่อใช้จุนเจือเอื้อเฟือกัน คนขยันก็อยู่เป็นสุข คนขี้เกียจก็เป็นทุกข์
สิ่งที่อาตมาทำไปสร้างความเสียหายให้คนจังหวัดนนทบุรีตรงไหน ลองไปถามมาให้ดู อาตมาให้คนมาขายผลไม้และขายสินค้ารอบๆ วัดโดยไม่เสียค่าเช่าเขาก็มีรายได้ ชาวสวนขายผลไม้ไม่ได้ก็มาฝากที่วัดขายก็มีรายได้ ญาติโยมมาเที่ยวที่วัดก็ซื้อกลับไป ถือเป็นการกระจายรายได้ให้คนในจังหวัดนนทบุรี มีเงินหมุนเวียน อาตมาถือหลักว่า เผยแพร่ สงเคราะห์ พัฒนา
พระพยอม กล่าวต่อว่า สิ่งที่อาตมาทำอยู่นี้เป็นศาสนสงเคราะห์ ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสในมงคลสูตรว่า การสงเคราะห์ญาติ สงเคราะห์คนถือเป็นมงคล เป็นความเจริญ ทำไมเป็นพระถึงสงเคราะห์ไม่ได้ ไปเอามาจากไหน พระไตรปิฎกฉบับไหนว่าพระสงเคราะห์คนไม่ได้ กรณีที่เขาไลฟ์สดแบบนี้อาตมาไม่ขอโต้ตอบ ไม่แจ้งความเอาผิดหรอกเสียเวลากับคนพวกนี้ เอาไว้ลับสมองดีกว่า เพราะพระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าใครมาดูถูกก็อย่าไปตอบโต้ ส่วนเรื่องที่ใครบวชเป็นพระแล้วจะต้องนั่งสมาธิให้ได้วันละ 2 ชั่วโมงขึ้นไปนั้น อาตมาถามว่าใครไปบัญญัติไว้ นั่งได้คือพระแท้ นั่งไม่ได้คือพระเทียม หมดความเป็นพระ แบบนั้นคุณไปบัญญัติเองแล้วเพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้มีบัญญัตินี้ไว้ ไม่รู้ไปดูในพระไตรปิฎกเล่มไหนมา คนเรามีความเพียรมีสุขภาพต่างกัน จะให้ไปปฏิบัติได้เหมือนๆ กันทุกอย่างก็คงไม่ได้
เอาเป็นว่าสมัยหนุ่มๆ อาตมาเป็นผู้นำสวดที่สวนโมกข์มาแล้วกัน และอาตมามั่นใจว่าอาตมาปฏิบัติไม่มากกว่าพระสงฆ์ในเมืองไทยอีกหลายรูป แต่ก็ไม่น้อยกว่าพระสงฆ์ในเมืองไทยอีกหลายรูปเช่นนั้น เขาอยากไลฟ์อยากว่า ก็ปล่อยเขาไป อาตมาไม่เคยเสียกำลังใจ ก็จะเดินหน้าทำต่อไป คนที่ไลฟ์สดแบบนี้น่าสงสาร เป็นคนมีอีโก้มีอัตตาสูง แพทย์เรียกว่า โรคหลงตัวเอง เพราะคิดว่ารู้มากกว่าพระพุทธเจ้าไปแล้ว ถ้าเขาไม่รู้แล้วเขาไม่ชี้ เขาก็จะมีความสุข แต่นี้เขาไม่รู้แต่ดันมาชี้ คำสอนของพระพุทธเจ้ามีหลายแบบต้องเอามาปรับใช้ เราทำงานเป็นสุขสนุกกับงาน เขาสนุกกับการวิจารณ์ แต่คุณค่ามันต่างกัน เราทำงาน งานก็เดิน คนก็เป็นสุข วัดก็เป็นสุข คนก็ยั่งยืน
อาตมายึดถือคาถาบทหนึ่งไว้คือ โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ไม่โกรธดีกว่าจะได้ไม่บ้าไม่โง่ ระงับใจเอาไว้ ถ้าคนนี้เขาฉลาดจะต้องรีบออกมาขอโทษไวๆ แล้วอาตมาฉลาดก็จะรีบให้อภัยเร็วๆ จะได้ไม่ถูกเปลวไฟนรกเผาไหม้ให้เป็นทุกข์ใจ
พระพยอม กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า สังคมไทยในยุคนี้มีแต่คนแปลกๆ อ้างตัวอ้างตนเป็นวิเศษไปหมด ไม่เห็นสำนักพุทธไปตรวจสอบอะไรเลย ทีกับขนมอาลัวไปตรวจสอบกันอย่างเร็ว พร้อมเพรียงได้ ที่เรื่องบิดเบือนคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ากับเงียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขอบคุณ Sanook.com/มติชนออนไลน์
