วันที่ 19 ส.ค.ได้มีผู้ใช้เฟสบุ้คPornkanok komvichianโพสเตือนใจ โดยโพสว่า..
คิดอยู่นานมากกกกก
ว่าจะโพสดีไหมแต่มันสามารถใช้เตือนใครหลายๆคนได้ เดี๋ยวจะมาเล่าเป็นประสบการณ์ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวแต่ถูกมองข้าม…
กินไปเรื่อย อยากกินไรก็กินนาทีชีวิตที่ไม่มีลางบอกเหตุใดๆ นาทีชีวิตที่หมอเดินมาบอกครอบครัวว่า
“ไม่รอดนะ น้องน่าจะไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน”
เบาหวานน้ำตาลสะสม เบาหวานน้ำตาลขึ้นสูงทะลุ500+ (วัดครั้งแรก 530) ซึ่งค่าน้ำตาลคนปรกติจะอยู่70-120 ส่งผลให้เลือดเป็นกรด ปอดทำงานหนัก ค่ากรดด่างในเลือดเหลือเพียงเลขตัวเดียว (วัดครั้งแรก 2) จากปกติหมอบอกว่าจะอยู่ที่ 20+
ตอนนั้นนอนหอบ เหงื่อทะลักท่วมตัวอยู่ที่บ้านถ้าส่ง รพ.ไม่ทัน คงได้นอนอืดอยู่บนเตียงในห้องนอนแน่ๆ
#ขอบคุณคนพาส่งโรงพยาบาล
ต้องสอดท่อช่วยหายใจ 4 ครั้ง แต่ละครั้งก็สุดแสนจะทรมาน จนแพทย์-พยาบาลต้องจับมัดมือมัดเท้าไว้กับเตียง
ฉีดยานอนหลับทุกชม.เพื่อพักปอด
เจาะวัดน้ำตาลทุก ชม.จนนิ้วพรุน เจาะเลือดไปตรวจจนระบมไปทั้งตัว เจาะให้น้ำเกลือจนไม่มีที่จะเจาะ ต้องย้ายมาเจาะที่เส้นเลือดใหญ่ตรงคอ
เจาะเส้นเลือดทุกเส้นในร่างที่สามารถเจาะได้
ห้อยถุงน้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้อ อะไรก็ไม่รู้ นับได้6 ถุง สายระโยงระยางเต็มเตียง
#เริ่มแรกเดิมทีไม่มีอาการป่วยก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนออกเป็นน้ำสีน้ำตาลถึงดำ (สีเหมือนน้ำเป๊ปซี่ หายใจหอบเร็วเหมือนคนกำลังวิ่งอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างเริ่มทรุดลง ภาวะแทรกเริ่มเยอะขึ้น เข้ารพ.ตั้งแต่วันที่ 6 จนถึงวันนี้วันที่ 18 ก็ยังพักฟื้นอยู่
#เตือนเลยนะ *กินหวานจัด! ดื่มน้ำอัดลม กินชานมไข่มุก กินกาแฟครีมน้ำตาลเยอะๆ ระวังไว้!!
อาการตอนนี้ : ถอดท่อแล้ว หายใจเองได้ ต้องตรวจน้ำตาลทุกอาหาร 3 เวลาและให้ยาตลอด เพราะน้ำตาลยัง300+ อยู่ การให้ยาคือฉีดใส่พุงตัวเองเท่านั้น! และหากออกจากรพ.ไปก็ต้องฉีดยาเอง แต่เนื่องจากตอนนี้ค่าน้ำตาลยังสูงมากกกกๆหมอเลยยังต้องให้พักฟื้นอยู่
#อายุ30ปีทุกคนต่างตกใจกับค่าน้ำตาล
#อย่าชล่าใจกับการใช้ชีวิต
#ความทรมานจนตอนนี้จำแทบไม่ได้
#คนที่ทรมานที่สุดคือครอบครัวเรา
#ขอบคุณข้อมูลจากผู้เฝ้าไข้