จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยเกิดวิกฤตอย่างหนัก และยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น หากยังคงเป็นเช่นนี้อีกต่อไป คงจะมีธุระกิจท่องเที่ยวอีกไม่น้อยที่ต้องปิดตัวลงอย่างถาวร หากรัฐบาลไม่ช่วยพยุงคงมีอีกหลายแห่งต้องตาย และเตรียมเผาได้เลย
วันที่ 11 พ.ย. 2563 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ฟื้นกลับมา และหน่วยงานภาครัฐยังไม่มีมาตรการพยุงผู้ประกอบการท่องเที่ยว คาดว่าปี 2564 จะมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ปิดกิจการถาวรอย่างน้อย 50% จากปีนี้ที่หลายรายยังยื้อไว้ด้วยการปิดชั่วคราวเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย หากไม่มีมาตรการรัฐมาช่วยพยุงผู้ประกอบการท่องเที่ยว ปีหน้าจะมีผู้ประกอบการที่ต้องตายไป รอเผา หรือปิดกิจการถาวรอย่างน้อย 50% เพราะไม่มีออกซิเจนมาช่วยต่อลมหายใจ
“ส่วนกองทุนฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยว วงเงิน 50,000-100,000 ล้านบาท ภาคธุรกิจท่องเที่ยวรอมานานมากตั้งแต่สมัยนายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.การคลัง เคยพูดเรื่องจัดตั้งกองทุนนี้เพื่อช่วยเหลือภาคท่องเที่ยว ปัจจุบันทางกระทรวงการคลังก็กำลังศึกษาแนวทางและเงื่อนไขต่างๆอยู่ หลังนายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางไปแล้ว วิกฤติโควิด-19 กระทบต่อภาคท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยมาร่วม 10 เดือน ทำให้กำลังซื้อด้านท่องเที่ยวของคนไทยมีปัญหา แม้จะอัดโปรโมชั่นด้วยโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายด้านท่องเที่ยว เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน แต่จากข้อมูลบนเว็บไซต์ เราเที่ยวด้วยกัน.com ณ วันที่ 11 พ.ย. พบว่าจำนวนสิทธิห้องพักยังคงเหลือมากถึง 2.07 ล้านสิทธิ จากโควตาทั้งหมด 5 ล้านสิทธิ เหลือวงเงินในโครงการฯราว 1 หมื่นล้านบาทจากวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ตลอดปี 2563 กำลังซื้อด้านท่องเที่ยวของคนไทยฟื้นมาแค่ระดับ 33% ของปี 2562 เฉพาะช่วงปลายปีซึ่งเข้าสู่ไฮซีซั่นสามารถดันได้สูงสุด 40% ของปีที่แล้ว แต่ปี 2564 สถานการณ์กำลังซื้อด้านท่องเที่ยวจะยิ่งน่าเป็นห่วงมากขึ้น เพราะจะลดลงไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีปัจจัยบวกกระตุ้น คาดลดเหลือ 15% ของปี 2562 และทางออกเดียวที่จะช่วยให้คนไทยกลับมามีกำลังบริโภคกันอีกครั้งคือ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทย กระทรวงการท่องเที่ยวฯเตรียมเจรจากับสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยในปลายเดือนพ.ย.นี้ เรื่องทราเวลบับเบิล (Travel Bubble) หรือการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด ด้วยการจับคู่กับประเทศหรือเมืองในประเทศจีนเพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกันโดยไม่ต้องกักตัว
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า เมื่อเจรจากับสถานทูตจีนแล้ว กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเดินสายเจรจากับสถานทูตของประเทศที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโรคโควิดต่ำเพิ่มอีก 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เวียดนาม ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ภายในเดือนธ.ค.นี้ อย่างตลาดนักเดินทางจากญี่ปุ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ขีดเส้นตายให้ทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เร่งพิจารณาว่าภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ ต้องดึงนักธุรกิจและช่างเทคนิคจากประเทศญี่ปุ่นที่แจ้งความประสงค์ไว้กว่า 8,000 คน ซึ่งรอจ่อเข้าไทยแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้ามา
ขอบคุณ ข่าวสด