เริ่มโผล่เรื่อยๆ ลูกค้าคลินิกพิมรี่พาย

ผู้เสียหายเสริมความงามกับหมอปลอมคลินิกพิมรี่พาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์เรื่อยๆ เริ่มจาก ผู้เสียหายรายแรกเหยื่อหมอปลอมคลินิกพิมรี่พาย โดยฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์ และร้อยไหม แต่สุดท้ายพบความผิดปกติตอนนี้ใบหน้าผิดรูป อีกรายคือแม่ค้าออนไลน์ฉีดโบท็อกซ์ที่คลินิกพิมรี่พาย แล้วหนังตาตก ไลฟ์สดขายของไม่ได้ อีกราย

 

 

วันที่ 23 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานหญิงผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดี กรณีไปใช้บริการที่คลินิก อิส คิวท์ คลินิก (EST CUTE CLINIC) สาขาห้วยขวาง ที่นางสาวพิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์ชื่อดังเป็นหุ้นส่วน โดยมีนางสาวอาลินดา ธนาทรัพย์วรกิจ อายุ 29 ปี หมอปลอมคลินิกพิมรี่พาย ที่แอบอ้างนำเอกสารของแพทย์ตัวจริงมาใช้เป็นหลักฐาน เพื่อเข้าสมัครเป็นแพทย์เสริมความงาม เป็นผู้ให้การรักษาจนหน้าผิดรูป

 

ผู้เสียหายรายนี้ เล่าว่า มีความเชื่อถือในคลินิกแห่งนี้ จึงตัดสินใจซื้อแพคเกจเสริมความงามในราคา 3 หมื่นบาท และไปใช้บริการเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์ และร้อยไหม โดยหมอปลอมคนดังกล่าว ซึ่งได้ส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงในเวลาต่อมาคือ ขมับขวาผิดรูป เจ็บกราม และมีอาการชาที่ปากจนดื่มน้ำไม่ได้

 

จากนั้นจึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งแพทย์ระบุว่าสาเหตุมาจาก เส้นประสาทถูกกดทับ จึงนำใบรับรองแพทย์ไปแจ้งยังคลินิก อิส คิวท์ คลินิก ต้นเหตุ ซึ่งแพทย์ที่คลินิกแห่งนี้ก็ได้ทำการรักษาโดยการฉีดสลายบริเวณที่ผิดรูปบนใบหน้า

 

ากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตนเองรู้สึกหวาดกลัวเพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อใบหน้า จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน โดยนำหลักฐานต่างๆ และใบรับรองแพทย์มาประกอบด้วย ส่วนจะดำเนินคดีกับทางคลินิก และหมอปลอมด้วยหรือไม่นั้น รวมถึงการฟ้องแพ่งเรียกร้องค่าเสียหาย จะต้องหารือกับทางทนายความและพนักงานสอบสวนก่อน

 

 

ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. ที่สำนักงานทนายรัชพล ศิริสาคร ถนนประชาราษฎร์ ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี น.ส.พลอย (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์ เดินทางเข้าพบทนายรัชพล ศิริสาคร เพื่อปรึกษาคดีและแต่งตั้งให้เป็นผู้ติดตามคดี พร้อมหลักฐานผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลหลังจากที่เดินทางไปฉีดโบท็อกซ์ที่ คลินิก อิส คิวท์ สาขาห้วยขวาง ของ น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง

 

จนต่อมาเกิดอาการหนังตาข้างขวาตก ผิวหน้ามีอาการแสบร้อนและคัน โดยแพทย์จากศิริราช ระบุว่า เกิดภาวะหนังตาตกจากการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งในกรณีนี้อาจจะใช้เวลารักษานาน 6-12 เดือน และอาจจะไม่สามารถรักษากลับมาให้หายเป็นปกติได้

 

โดยหลังได้รับผลกระทบทางหญิงสาวผู้เสียหายได้ทำการยื่นข้อเรียกร้องเกี่ยวกับค่ารักษาและเยียวยาชดเชยแล้ว แต่ทางคนดูแลคลินิกไม่สามารถตกลงเจรจาความรับผิดชอบให้ได้ จึงเดินทางมาปรึกษาทนายรัชพล พร้อมแต่งตั้งเป็นทนายความเรียกร้องเงินค่ารักษาและเยียวยาจนกว่าจะหายเป็นปกติ

 

โดย น.ส.พลอย (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์ เปิดเผยว่า ตนได้จองคิวโปรเสริมความงามจำนวน 2 โปร จาก เฟซบุ๊กชื่อพิมรี่พายขายทุกอย่าง ที่ทำการโฆษณาโปรโมชั่นเสริมความงามของสถานพยาบาล ชื่อ Estcute Clinic โดยได้จอง โปรสวย 5,000 และโปร VIT 500 โดยมีการโอนเงินมัดจำไปโปรละ 500 บาท

 

จากนั้นในวันที่ 12 ธ.ค.64 ตนได้เดินทางจากต่างจังหวัดมาเข้ารับบริการที่สาขาห้วยขวาง โดยแพทย์ของทางคลีนิกซึ่งเป็นแพทย์ตัวจริงได้ทำการฉีดโบท็อกซ์ ที่บริเวณหน้าผากและบริเวณรอบหน้า และฉีดผิวใสที่บริเวณแก้มให้กับตนจนครบโปรแกรม

 

ต่อมาในวันที่ 13 ธ.ค.64 ตนเริ่มมีอาการหนังตาตกเล็กน้อย บริเวณใบหน้ามีอาการแพ้คันและแสบร้อนตามมา จากนั้นในวันที่ 16 ธ.ค. อาการหนังตาเริ่มตกหนักขึ้นจนเริ่มมองเห็นไม่ชัด ตนจึงได้แจ้งไปยังคลินิก ซึ่งมีแอดมินของคลินิกได้แจ้งให้ตนกลับมาดูอาการที่คลินิกอีกครั้ง

 

จนกระทั่งในวันที่ 17 ธ.ค. ตนเดินทางไปที่คลินิกที่สาขาชินเขต ได้รับยาหยอดตาพร้อมคำแนะนำให้ประคบอุ่น ว่าจะทำให้อาการดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ ตนจึงได้ร้องขอให้คลินิกทำบันทึกข้อตกลงในการรับผิดชอบต่อการรักษา

 

น.ส.พลอย กล่าวอีกว่า ด้วยความกังวลใจจากหลังตาที่ตกลงมามากและมองเห็นไม่ชัดเจน ในวันที่ 20 ธ.ค. ตนจึงได้เดินทางเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช โดยแพทย์ได้ระบุว่ามีสภาวะหนังตาตก จากการฉีดโบท็อกซ์ ทำให้ตนเริ่มไม่มั่นใจในการรักษาของคลินิกดังกล่าว และต้องการให้คลินิกรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจนกว่าจะสามารถรักษาให้หายเป็นปกติ

 

และตนยังต้องการให้ทางคลีนิกเยียวยาชดเชยจากการขาดรายได้จากการไลฟ์สดขายเสื้อผ้าออนไลน์ซึ่งเป็นรายได้หลัก เพราะหลังเกิดสภาพหนังตาตกจนทำให้ดวงตาไม่เท่ากัน ทำให้ตนเองไม่สามารถประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าออนไลน์ต่อไป ส่งผลให้ตนซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและเป็นคนดูแลแม่กับคนงานอีกหลายคนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

 

น.ส.พลอย กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่ได้รับจากการไปฉีดโบท็อกซ์ที่คลีนิกแห่งนี้มาคือหนังตาข้างขวาตกลงมาครึ่งตาดำ มองไม่ชัด สายตามัว ไม่สู้แสง ทุกวันนี้ไม่สามารถขับรถเองได้ เนื่องจากต้องใช้ตาข้างซ้ายในการเพ่งมองมากขึ้น ทำให้ในช่วงเย็นตาข้างซ้ายจะเกิดอาการอ่อนแรง และตาข้างขวาที่ตก มีอาการตกลงมามากขึ้น

 

น.ส.พลอย กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังตกอยู่ในสภาพดังกล่าวที่ตาไม่เท่ากัน ตนพยายามปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้ลูกรู้ ด้วยการใส่แว่นตาดำปกปิด แต่ก็มาพลาดถอดแว่นตาออกจนลูกมาเห็นเข้า ทำให้เขาร้องไห้เสียใจออกมาด้วยความกังวลว่าตนจะตาบอด ก็ได้แต่ปลอบโยนลูกไปว่าเดี๋ยวก็รักษาหายไม่ต้องกังวล ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะรักษาอาการนี้ให้หายเป็นปกติได้เมื่อไร เมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้เพราะเป็นห่วงตน ตนก็เป็นห่วงสภาพจิตใจลูกเช่นกัน

 

และสาเหตุที่ตนเลือกมาทำกับคลินิกแห่งนี้เพราะชื่อเสียงของพิมรี่พาย ที่ตนชื่นชอบในตัวพิมรี่พายเป็นทุนอยู่แล้ว จึงตัดสินใจไปทำเพราะมั่นใจในตัวพิมรี่พายซึ่งเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์เหมือนกัน ตนจึงยังไม่ได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพราะต้องการให้ทางคลีนิกออกมารับผิดชอบ แต่เรื่องก็เงียบไปมีการตกลงพูดคุยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น

 

ส่วนเรื่องเงินเยียวยาชดเชยที่ตนเสนอไปก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ที่แน่ชัดกลับมา ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทางพิมรี่พายรับรู้เคสของตนเองหรือไม่ หรือเรื่องของตนไปติดค้างอยู่กับทีมงานรอบตัวจนเรื่องไปไม่ถึงตัวของพิมรี่พายแม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว ทำให้ในวันนี้ตนเองจึงตัดสินใจเดินทางมาพบทนายรัชพลเพื่อขอให้ช่วยทำคดีเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง

 

ด้าน ทนายรัชพล ศิริสาคร กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารของผู้เสียหายพบว่า มีการทำสัญญาค่ารักษาพยาบาลไว้หนึ่งฉบับ แต่เป็นเอกสารที่ไม่สมบูรณ์เนื่องจากทางแพทย์ของคลินิกไม่ได้เซ็นลงชื่อไว้ เอกสารฉบับนี้จึงไม่มีผลผูกมัดใดๆ และตัวผู้เสียหายเองก็ยังไม่ได้เดินทางไปลงบันทึกแจ้งความไว้เป็นหลักฐานด้วย ซึ่งอาจจะทำให้เสียเปรียบในการเรียกร้องสิทธิ์การรักษาและค่าเยียวยาชดเชยจากรายได้ที่หายไป

 

ซึ่งเมื่อตนได้รับเข้ามาดูแลคดีให้กับผู้เสียหายแล้ว ตนก็พร้อมจะเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายต่อไป โดยเตรียมจะพาผู้เสียหายเดินทางไปเข้าแจ้งความในพื้นที่เกิดเหตุต่อไป

 

และแพทย์ของทางคลีนิก มีความผิดทางอาญาในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และถ้าอาการสาหัสก็จะมีโทษจำคุก 3 ปี และปรับ 60,000 บาท โดยหลังจากนี้จะมีการหารือกับผู้เสียหาย ว่าจะมีการเรียกร้องการเยียวยาอย่างไรบ้าง

 

ส่วนเรื่องการแจ้งความดำเนินคดีนั้นจะนัดวันอีกครั้ง ตนอยากฝากไปถึงทางคลินิกหรือเจ้าของกิจการว่า อยากให้มาเจรจากับผู้เสียหายเพราะจากที่ดูใบหน้าของผู้เสียหายนั้นไม่แน่ใจว่าจะกลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่

 

การเยียวยาจึงต้องได้รับความเป็นธรรมและเหมาะสม เพราะถ้าหน้าของผู้เสียหายไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ก็จะเกิดผลกระทบในชีวิตตามมาอีก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ประกอบกับผู้เสียหายป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ก่อนแล้ว

 

หากทางพิมรี่พายจะนัดไกล่เกลี่ยเจรจาให้กับผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบ ขอให้ติดต่อผ่านทางตนมาได้เลย ตนพร้อมยินดีที่จะเจรจาหาทางออกเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้เสียหายที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าที่ต้องทำงานขายเสื้อผ้าออนไลน์เลี้ยงดูครอบครัวเหมือนกัน

 

 

ขอบคุณ ข่าวสด/thainews/sanook.com