แอน จักรพงษ์ ไลฟ์สดขอโทษที่พูดเซ็กส์แบบไปยั้งคิด

หลังจาก แอน จักรพงษ์ สตรีข้ามเพศหมื่นล้านผู้ที่มีชายหนุ่มมากุมหัวใจถึง 4 คน จนเรื่องราวความรักของเธอกลายเป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมาก และในวันที่ 2 ก.พ. 2564  เธอได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องความรักในรายการแฉ และหนึ่งในการให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็มีเรื่องของอดีตแฟนหนุ่มอย่าง คลินท์ บอนแดด หรือ พี่หมี และพูดพาดพิงไปถึง แคทรีโอนา เกรย์ Miss Universe 2018 ที่เคยเป็นอดีตแฟนของหนุ่มคลินท์อีกด้วย   จากนั้นก็ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าไม่สมควรพูดออกมาแบบนี้มันเป็นการไม่ให้เกียรติคนอื่น

และเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2564 แอน จักรพงษ์ ได้ไลฟ์สดออกมาขอโทษกับสิ่งที่ตนเองพูดไปแบบไม่ยั้งคิด พร้อมเปิดใจเคลียร์ทุกปมดราม่าผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Anne Jakrajutatip โดยมีเนื้อหาใจความระบุว่า

 

กลายเป็นบทเรียนที่แอนออกมาพูดด้วยจิตสำนึกอะไรที่ควร อะไรที่ไม่ควร ในฐานะที่เราอยู่ในสื่อ หลายคนมองเราเป็นแบบอย่าง เพราะฉะนั้นความผิดพลั้งอะไรที่เกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นเราก็ควรต้องจริงใจค่ะ และควรต้องมาพูดอย่างเปิดเผย แล้วจิตใจที่บริสุทธิ์ อะไรที่ไม่ใช่เราก็ต้องกราบขอโทษ (ยกมือไหว้) และต้องขออภัยกับทุกๆ ท่านที่ทำให้มีผลกระทบในทางที่ไม่บวกได้ศึกษาและย้อนดูกลับไปเทปเดิมว่าเป็นอย่างไร พอเราอ่านมันสร้างสติให้กับเรา เป็นกระจกสะท้อนให้กับเราได้รู้ว่า อะไรที่เราพูดออกไป พอเวลามันไม่ใช่แล้วมันเซ้นสิทีฟ เราใช้เกียร์ในการขับรถแรงเกินไป เราต้องรู้ตัว บางครั้งเราต้องปานกลาง และขับให้เบาลง แล้วแต่สถานการณ์เป็นบทเรียนและต้นทุนชีวิตที่ล้ำค่า ขอบคุณทีมงานที่จงรักภักดี และศรัทธาในตัวบอสคนนี้ที่ชื่อว่า แอน จักรพงษ์

ขอบคุณแฉ ทีมงานทุกคนก็น่ารัก ทำรายการสนุกครื้นเครง รูปแบบรายการเขามันเป็นไลฟ์สด เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักในการขับเกียร์ของเราให้เป็น และรู้ว่ามันสนุก แต่ว่าการพูดหลายๆ อย่าง ต้องรู้การพูด และยั้งกลับให้เป็น เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่แอนเรียนรู้ทั้งหมดเลยทั้งหมดที่ถูกคอมเมนต์มา บอกแล้วว่าเป็นคอมเมนต์ที่ประเสริฐ เป็นคอมเมนต์ที่ทำให้เราเติบโตขึ้น แอนไม่มีเจตนาในการทำร้ายใคร คนดูทุกท่านก็รักเราถึงได้นั่งเปิดดู เอาเป็นว่าแอนเรียนรู้อะไร ก็ขอให้เป็นประโยชน์ด้วยเช่นเดียวกันกับหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นดารานักแสดง คนในวงการ เวลาจะออกอากาศสด จะพูดอะไรก็แล้วแต่ มันควรต้องมีการจัดการอย่างไร

 

พูดกันง่ายๆ พลาด 3-4 จุด บางกลุ่มก็ชอบ ก็สนุกดี แต่จะมีกลุ่มใหญ่ๆ ที่เวลาเขานั่งดูเทปนี้ เขาย่อมไม่พอใจ นาทีที่ 37 ถ้าไปดูย้อนหลังกันในยูทูบ แฉที่แอนไปออกมา เมื่อวันอังคาร(2กพ)ที่ผ่านมา พอเวลามดดำถาม แล้วแฟนเก่าเขาล่ะ เลิกกันยังไง เราก็ตอบว่า จะเอาจริงมั้ยล่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง คือเหยียบเกียร์ผิดละ จริงๆ แล้วมดดำก็ทำหน้าที่ที่ดี แล้วเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่มีอะไรเลย จริงๆ แล้วเราควรจะพูดกลับว่า ขออนุญาตนะ ทั้งบนเวทีนี้ไม่พูดถึงใครเลย นอกจากดิฉันกับผู้ชายสองคน ไม่มีการพาดพิงใคร ให้เกียรติทุกฝ่าย แล้วก็จะไม่มีการหยิบยกคนเก่าของใครใดใดมาพูดทั้งสิ้น ควรต้องจบ นี่คือควรจะต้องฉีดยาตั้งแต่ตอนเริ่มรายการ

ในฐานะที่เราก็เป็นผู้ใหญ่ ผู้บริหาร ก็ไม่ควรจะต้องเตลิด นี่คือจุดที่หนึ่งที่พอเวลาแอนมาดูเทปแล้ว พอเรามาพิจารณาก็จริงนะ เราต้องเหยียบเบรกให้เป็น นาทีที่ 41.40 วิดิโอคลิปดิฉันพูดไปว่า เห็นมาหมดแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วก็จะกี่คนก็แล้วแต่ เอาจริงๆ แล้วแอนก็ไม่ควรพูดเลย หรือควรต้องพูดว่า เขาก็เป็นคนชอบอัดวิดีโอคลิปซึ่งก็เป็นพฤติกรรมที่ผู้หญิงคนไหนก็รับไม่ได้ ไม่ควรไปพาดพิงใคร ควรต้องให้เกียรติ โดยเฉพาะเราเป็นสุภาพสตรีด้วยกันเอง และตัวแอนเป็นแม่คนแล้ว ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็แล้วแต่ ต้องไม่จับเขามาพาดพิง ไม่ว่าจะเป็น ผู้หญิง ผู้ชาย LGBTQ ทุกท่าน นาทีที่ 43.20 กับนาทีที่ 46.50 อันนี้เป็นความที่ไม่สมควรพูดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการกลั้นปัสสาวะ ตลอดจนเซ็กส์นอนสต็อปของดิฉันกับอีกคนหนึ่งอะไรก็แล้วแต่ มันพูดอย่างนี้มันเป็นการไม่ให้เกียรติอีกคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องระหว่างดิฉันกับผู้ชายสองคน ก็ควรจะต้องพูดแค่เท่านี้ มันควรจะต้องเซฟทุกฝ่าย เป็นเราเราก็คงจะไม่พอใจเหมือนกัน

 

เพราะฉะนั้นทุกอย่างคือความพลาดค่ะ กล้าบอกตรงนี้ได้เลย และเราก็ยอมรับผิดว่าด้วยเจตนาของเราไม่มี เพราะฉะนั้นก็เป็นบทเรียนและย้ำนะคะว่าเป็นต้นทุนที่ล้ำค่ามากๆ ที่สำคัญเราต้องแสดงเจตนารมณ์และสำนึกให้เห็น คิดให้เป็น วิสัยทัศน์ต้องมี เราคงไม่สามารถทำถูกทุกอย่างบนโลกได้หรอกไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ วันนี้มาพูดด้วยความจริงใจ เปิดหัวใจให้ฟัง แล้วพอได้รับอะไรมาก็แล้วแต่ไม่ได้รู้สึกโกรธเลยนะ ใครเขียนอะไรก็แล้วแต่ ถึงแม้จะอ่านไม่หมดก็ตาม เรารู้แหละว่าทุกคนต้องโกรธ หลายคนไม่ชอบ เกลียดชัง สิ่งเหล่านี้มันป็นเอฟเฟ็กต์สัจธรรมอยู่แล้วที่มันเกิดขึ้นจากผลการกระทำที่เราคอนโทรลเกียร์ยังไม่ระมัดระวังพอ คนเราทุกคนบางครั้งมันก็มีพลาด มีเผลอ มันไม่สามารถสมบูรณ์แบบได้ทุกเรื่อง แต่พอพลาดเผลอแล้วเรียนรู้จากบทเรียน ตรงจุดนี้เป็นบทสำคัญว่า เขาปรับตัวยังไง ปรับจิตวิญญาณมายเซ็ตยังไง แล้วออกมารับผิดชอบต่อคนรอบข้างยังไงมากกว่า ไม่ปฏิเสธ ไม่ดื้อรั้น

รู้สึกเสียใจต่อการกระทำและคำพูด ที่เกิดขึ้นในเทปแฉวันนั้น เราต้องเรียนรู้เองว่า ต้องไม่พาดพิงบุคคลที่สาม ต้องไม่เอาเรื่องเซ็กส์มาคุยหน้าจอ ถ้ามันมีสาระที่เป็นประโยชน์วิทยาต่อผู้คนก็พูด แต่ถ้ามันเป็นการสาดเสียเทเสียควรต้องหยุด ไม่ว่าจะเป็นรายการอะไรก็แล้วแต่การที่เรารู้จักกับทางฟิลิปปินส์เยอะ ต้นสังกัดอะไรต่างๆ ดิฉันก็รู้จักหมดทุกคนแหละที่เป็นตัวเมนหลักใหญ่ๆ เขาก็มี 3-4 เจ้าและเป็นลูกค้าดิฉันหมดในการซื้อละครตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา แล้วเราก็เป็นผู้แทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวให้กับทุกเจ้ามาโดยตลอด 5-6 ปี ฉะนั้นเรื่องอย่างนี้ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนเคารพรักนับถือตัวแอน ไปทุกครั้งเราก็ไปขึ้นเวทีพูด ไปเจอประธานรองประธาน ไปเจอกรรมการผู้จัดการ หรือไปเจอทายาทของเขา เรื่องตรงนี้ที่เกิดขึ้น แอนบอกเลยว่าก็คงมีการยกหูพูดคุยกันด้วยความรับผิดชอบของเรา กับต้นสังกัดที่เขาอยู่ สิ่งเหล่านี้ควรจะต้องทำสำหรับคนที่มีจิตสำนึก และคุณภาพต่อการรับผิดชอบต่อสังคม

 

ความรับผิดชอบตรงจุดนี้ที่แอนจะต้องทำก็คงต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ ขอให้ทุกท่านสบายใจได้นะคะ เราไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่พลั้งเผลออะไรออกไป ซึ่งจริงๆ เขาก็รู้จักตัวแอนดีนะ บางครั้งก็พูดทีเล่นทีจริง พูดสนุกสนาน สิ่งที่ทุกคนบอกกันทั่วโลกเลย คือแอนเป็นคนตรงและจริงใจ ชัดเจน ตัวเราเป็นคนมีงานเยอะ หลายครั้งเราก็เหยียบสุดเกียร์ ต้องปรับนิสัยลงมาหน่อย เพราะทุกอย่างมันรายล้อมไปหมด ทั้งงาน สมาชิกในครอบครัว หมายถึงลูกๆ ทั้งหลาย พนักงาน บิสสิเนสพาร์ตเนอร์ บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มันคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาหาชีวิตเรา มันเยอะมาก สื่อการสัมภาษณ์รายการต่างๆ แอนไม่ได้ติดใจอะไร และไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นอะไร ก็เข้าใจได้ว่าเขาต้องเขียน และเขาต้องโกรธแค้นเรามากว่า ไม่ใช่เราไปโกรธแค้นเขา มันเป็นเรื่องที่ต้องรู้เขารู้เรา ต้องเข้าใจ

ขอบคุณประชาชนทุกคนที่เขียนมาแล้วเราอ่าน รู้สึกซาบซึ้ง หลายๆ คนเขียนตามเหตุผล เราเห็นแล้วว่ามันจริง เราเป็นผู้บริหารขนาดนี้เราอ่านแล้วมาส่องเงาตัวเองดู บางคนอาจจะด่ามากด่าน้อย บางคนอาจจะตามคนอื่นเขาทั้งๆ ที่อาจจะไม่ได้ดูเทปแต่ก็ช่วยกันลงกันไป บางครั้งก็เขียนเลยเถิดบ้าง แอนไม่ถือเป็นสาระหรอกค่ะ แต่กราบขอบคุณทุกคนมากกว่า เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว หลายคนอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้วยความที่เห็นสังคมทั่วไปเขาทำกัน เราต้องรู้สึกกราบขอบพระคุณในคำสั่งสอนของทุกคนที่ให้มา บางเรื่องที่หลายคนมักเขียนวนกันอยู่ซ้ำๆ คิดว่าเรามีฐานะ หน้าตาสวยนักหรอโน่นนี่

 

กราบขอเรียนตรงนี้เลยนะ แอนเป็นคนทำมาหากิน แอนเป็นคนทำงานและทำงานหนักตั้งแต่เด็ก บอกได้เลยนะคะว่า ไม่ห่วงเรื่องสวยด้วยซ้ำ ได้มาเป็นผู้หญิงก็บุญแล้ว น้ำตาก็ไหลซึมแล้ว แอนมีลูกของตัวเองได้ก็ไหลซึมแล้ว งานเราทุกวันเราเป็นแม่ทัพ แต่งหน้าทำผมแต่ละวันไม่มีเลยนะมาที่บริษัทเนี่ย เพราะฉะนั้นคำว่า overconfident หรือคำว่า ความมั่นใจของเรา บางครั้งบางคนอาจจะมีคำว่า ขัดหูขัดตา หรือว่าฐานะอะไรของเรา เรานั่งรถเมล์ไปเรียนหนังสือตั้งแต่เด็ก ทำงานเป็นเด็กปั๊มที่ต่างประเทศ ทุกสิ่งทุกอย่างฝันฝ่าชีวิตมา เงินทุกบาททุกสตางค์เราเห็นคุณค่าหมดแหละค่ะ

พอเวลาขึ้นมาถึงจุดไหนก็แล้วแต่ การใช้ชีวิตโดยการใช้เงินมาเป็นตัวไลฟ์สไตล์ มันคงไม่ใช่คุณค่าชีวิตของแอนจักรพงษ์นะคะ แต่ความสำเร็จที่มีเข้ามา แล้วคนที่สำเร็จกว่าเราก็มีอีกเยอะแยะ แล้วเราก็ต้องเดินจากจุดนี้เติบโตไปอีก มันคือสิ่งที่เราโฟกัสมากกว่า สื่อต่างๆ ที่ให้เกียรติแอนมาสัมภาษณ์ เสนอความสำเร็จของเราไม่ว่าจะเป็นด้านไหน หรือว่าทัศนคติที่สามารถให้แรงบันดาลใจคนด้านไหนก็แล้วแต่ ขอความกรุณาว่าอย่าตีเลยค่ะ ความว่า อวดร่ำอวดรวย มั่นหน้าสวยจังเลย มันไม่ใช่ดราม่าอย่างนั้น มันไม่มีอะไรเลยที่เราคิดอย่างนั้น มิบังอาจเอาตัวเองไปเปรียบเทียบอะไรกับใครหรอกค่ะ แค่สวยขึ้นก็บุญแล้ว และเราก็ไม่ใช่คนสวยมาก สวยที่สุด สมบูรณ์แบบ แต่ก็แบบอย่างที่เราพอใจแล้วล่ะค่ะ การใช้ชีวิตของเรา ไลฟ์สไตล์ของเรา เราถูกเลี้ยงมาแบบการใช้ชีวิตที่ไม่ได้เผาเงิน แต่ว่าใช้สติในการดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบ

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ข่าวสด