จับได้แล้ว แม่กับลูกสาว ติดโควิดฯ แต่หนีการรักษาตัวจากสระแก้ว

จับได้แล้ว 2 แม่ลูก ติดโควิด-19 แต่หลบหนีไม่เข้าสู่ระบบการรักษาที่โรงพยาบาลสนาม

 

 

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2564 จากกรณีที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว (สสจ.สระแก้ว) เปิดเผยข้อมูลว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยืนยัน 3 ราย ของ จ.สระแก้ว หลบหนีไม่เข้าสู่ระบบการรักษาที่โรงพยาบาลสนาม อบจ.สระแก้ว ขณะนี้ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสระแก้ว และอยู่ระหว่างติดตามตัวนั้น 

 
 
โควิด 19
 
 

ล่าสุด วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ คำมาตย์ ผกก.สภ.เมืองนครนายก นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และผู้นำชุมชนในพื้นที่ ต.สาริกา ค้นหา 2 ผู้ป่วยหญิงติดเชื้อโควิด-19 หลังหลบหนีกระบวนการรักษาในโรงพยาบาลสนาม อบจ.สระแก้ว โดยได้เบาะแสล่าสุดว่าอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดยได้ออกค้นหาตั้งแต่ช่วงเช้าจนกระทั่งพบรถต้องสงสัย ที่มีลักษณะคล้ายรถกระบะของผู้ป่วยที่ใช้เป็นพาหนะหลบหนี โดยพบอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 10 ต.สาริกา อ.เมืองนครนายก โดยรถกระบะต้องสงสัย เป็นรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ จอดอยู่ภายในรั้วบ้านหลังหนึ่งไม่สวมแผ่นป้ายทะเบียน จนกระทั่งเวลาผ่านไป รถกระบะคันดังกล่าวได้ขับออกจากบ้าน มุ่งหน้าถนนสายนครนายก-นางรอง ซึ่งตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครนายก เฝ้ารออยู่บนถนน จึงเรียกให้จอดเพื่อทำการตรวจสอบ ว่ารถกระบะตรงกับรถต้องสงสัยหรือไม่ พร้อมตรวจสอบคนขับและผู้โดยสารว่า เป็นบุคคลเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสระแก้ว ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา หรือไม่ 

 

หลังจากเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบพบว่า รถกระบะคันดังกล่าวหมายเลขทะเบียน ส 0507 กรุงเทพมหานคร ในรถมีคนขับเป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน โดยทั้ง 2 ยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ทางการตามหาอยู่ เบื้องต้นทราบชื่อคนขับชื่อ นายพรรณุวัฒน์ ขันทะโคตร อายุ 23 ปี และอีกคนที่นั่งมาด้วยชื่อ น.ส.กมลวรรณ ลุ่มมณี อายุ 46 ปี ส่วนหญิงสาวอีกคน คือ น.ส.กมลชนก วิชาฉิม อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จึงได้ควบคุมตัวมาขึ้นรถกระบะ 

 

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว และทำการประสานทางจังหวัดสระแก้ว โดยจะส่งตัวทั้ง 3 คน ไปยังโรงพยาบาลสนามจังหวัดสระแก้ว เพื่อให้ดำเนินการต่อไป 

 

 

จากการสอบถาม นางวรนุช กิ่งแก้ว อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.สาลิกา ให้การว่า เมื่อช่วงเช้าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้ออกตามเก็บค่าน้ำ และบังเอิญมาเจอรถกระบะที่มีลักษณะคล้ายรถกระบะที่ปรากฏในข่าวว่า มีผู้ป่วยติดโควิดฯ หลบหนีมาจาก จ.สระแก้ว จอดอยู่ในหมู่บ้าน จึงได้มารายงานตน จากนั้นตนได้เข้าไปตรวจสอบพบว่า รถกระบะคันดังกล่าวมีความผิดปกติคือถอดป้ายทะเบียนออก เบื้องต้นทราบว่าผู้ป่วยและเจ้าของบ้านที่รถเข้าไปจอดอยู่นั้น รู้จักกัน แต่ยังไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์ในลักษณะใด 

 

จากข้อมูลผู้ป่วยรายแรกจากประวัติหญิงอายุ 46 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ในห้องแถวให้เช่าบริเวณโรงฆ่าสัตว์เก่าชุมชนเมืองย่อยที่ 11 ต.สระแก้ว เป็นผู้ป่วยลำดับที่ 3 ที่ต้องไปรายงานตัวที่โรงพยาบาลสนาม ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ว่า ผลการตรวจโควิด-19 เป็นบวก ส่วนรายที่สองเป็นหญิงอายุ 39 ปี พักอาศัยอยู่ในห้องเช่าย่านโรงฆ่าสัตว์เก่าเช่นกัน และยังเป็นผู้ป่วยลำดับที่ 4 ที่ต้องเข้ารายงานตัวที่โรงพยาบาลสนาม ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 เม.ย.และจนถึงปัจจุบัน แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามติดต่อให้เข้าสู่กระบวนการรักษาตัว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นเดียวกับผู้ป่วยรายแรก ซึ่งปลัดอำเภอเมืองสระแก้ว ฝ่ายความมั่นคง ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจึงดำเนินคดีข้อหา “จงใจฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และคำสั่งจังหวัดสระแก้วที่ 982/2564 เรื่องมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับที่ 32” เพื่อดำเนินดคีทางกฎหมายต่อไป

 

โควิด 19

 

 จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าผู้ป่วยทั้ง 2 ราย หลบหนีการรักษาตัวเพราะมีคดีฉ้อโกงติดตัวอยู่ เนื่องจากเคยใช้บัตรประชาชนคนอื่นก่อคดีฉ้อโกง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดความแตกตื่น และความวุ่นวายเนื่องจากเจ้าของบัตรประชาชนตัวจริงไม่ติดเชื้อแต่กลับมีชื่อเป็นผู้ติดเชื้อ ด้านลูกเขยที่เป็นคนขับรถพาหลบหนีนั้นยังไม่ทราบว่าติดเชื้อหรือไม่ อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ

 

 

 

ขอบคุณ ไทยรัฐ/เรื่องเล่าเช้านี้/มติชน