ญาติเผยสาเหตุที่ไม่เผาน้องแหล้ พบใบหน้าอิ่มเหมือนคนนอนหลับ ไม่มีกลิ่นศพ ในตัวมีออกซิเจน

สาวศรีสะเกษ ตายไป 3 วันร่างกายไม่เน่า ญาติเปิดโลง เห็นหน้าตายังสวยเหมือนปกติ เลยตัดสินใจไม่เผา ล่าสุดหมอปลาลงพื้นที่พิสูจน์ความจริง บอกที่เห็นแลบลิ้นปลิ้นตาตอนใกล้ตาย ไม่ใช่ปอบ แต่เพราะหายใจไม่ออก พบร่างเริ่มแข็ง และมีกลิ่น ญาติจึงตัดสินใจเผา แต่ก่อนหน้านี้ที่ตัดสินใจไม่เผาเพราะตอนเปิดโลงเพื่อดูหน้าครั้งสุดท้าย น้องมีใบหน้าเหมือนคนนอนหลับ ไม่มีกลิ่น และในตัวมีออกซิเจน 

 

 

กรณี น.ส.นันทิดา สุขจันทร์ หรือ น้องแหล้ อายุ 22 ปี ชาวบ้าน ต.ปราสาท อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ เสียชีวิตเมื่อตีสองของวันที่ 5 เม.ย.64 และญาติเตรียมฌาปนกิจศพในวันที่ 8 เม.ย. แต่พอญาติเปิดฝาโลงศพ เพื่อที่จะดูหน้าผู้ตายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเผา กลับพบว่าใบหน้าของน้องแหล้อิ่มเหมือนคนนอนหลับ ไม่เหมือนคนตาย จึงยกเลิกการเผา

 
 
 

ต่อมา ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล มาตรวจร่างกายเพื่อให้รู้ว่าน้องฟื้นหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วมาตรวจน้อง ปรากฏว่าเครื่องก็ทำงานตัวเลขขึ้นปกติ ทำให้ญาติตัดสินใจไม่เผาศพ จนมาบ่ายวันนี้ (10 เม.ย.) ญาติได้นำร่างของ น.ส.นันทิดา เผาเรียบร้อยแล้ว หลังพบว่าตัวแข็ง และศพเริ่มมีกลิ่น

 

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายวชิร งามล้วน ผอ.รพ.สต.ปราสาท เพื่อขอความรู้เรื่องนี้ ซึ่งนายวชิร เปิดเผยว่า เครื่องนี้เป็นเครื่องวัดออกซิเจนในฮีโมโกลบินที่ปลายนิ้ว (เครื่อง SAT O2) เป็นเครื่องที่ใช้ตรวจวัดฉุกเฉิน ไม่ใช่เครื่องตรวจวัดชีพจรสัญญาณชีพ รวมถึงไม่ใช่เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องวัดการเต้นของหัวใจ กรณีที่มีผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเราออกไปดูผู้เสียชีวิต เนื่องจากได้รับแจ้งจากทางญาติว่าผู้เสียชีวิตมีสภาพไม่เหมือนคนตาย

 

 

“เจ้าหน้าที่รีบออกไปดูด้วยความรีบร้อน ก็เลยหยิบเครื่อง SAT O2 นี้ติดตัวไป ไปถึงก็วัดที่ปลายนิ้ว ก็อย่างที่เรียนไปแล้วว่า เครื่องใช้วัดออกซิเจน ถ้าในร่างกายของคนคนนั้นมีออกซิเจนอยู่ เครื่องนี้ก็จะทำงาน แต่ไม่ได้หมายความว่ามีชีพจร” ผอ.รพ.สต.ปราสาท กล่าว

 

สำหรับกรณีดังกล่าว วันที่ 9 เม.ย. 64 เวลา 15.30 น. ที่ศาลาการเปรียญ วัดศรีกอเลาบูรพาราม ต.ปราสาท อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ มีการตั้งศพหญิงสาว อายุ 22 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 เม.ย.64 โดยหมอระบุในใบมรณบัตรว่าเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ พ่อแม่และญาติพี่น้องเตรียมฌาปนกิจในวันที่ 8 เม.ย. พอเปิดฝาโลงออกมาดูหน้าน้องต่างก็ต้องตกตะลึงกัน เพราะใบหน้าของผู้เสียชีวิตไม่เน่า ไม่บวม ไม่มีกลิ่นเหม็น หรือกลิ่นเหมือนคนเสียชีวิตทั่วไป จึงยกเลิกการเผาไว้ก่อน นำร่างของน้องไปนอนไว้ที่ศาลาการเปรียญในวัด

 

 

โดย นางจงรักษ์ ศรปราบ อายุ 43 ปี แม่ของน้องผู้เสียชีวิตเล่าว่า น้องชื่อ น.ส.นันทิดา สุขจันทร์ อายุ 22 ปี น้องป่วยเป็นวัณโรค มีปัญหาทางเดินหายใจ รักษาอาการป่วยมาได้ 3 เดือน ต่อมา เมื่อวันที่ 2 เม.ย. น้องได้ไปพบหมอตามนัด หมอตรวจร่างกายแล้วแจ้งว่าไม่พบเชื้อแล้ว แต่หมอก็ยังสั่งให้กินยาต่อไปอีก จนวันที่ 4 เม.ย. น้องบอกอยากกินเนื้อย่าง ก็เลยให้ไปกินกับน้อง และพี่ชายเขา กินเสร็จกลับมาก็นั่งคุยกันอยู่ในบ้าน จน 4 ทุ่มก็แยกย้ายกันเข้านอน

 

“พอตีสองวันที่ 5 เม.ย. น้องเรียกบอกว่าแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก นอนไม่ได้ จึงเอารถออกจะพาไปหาหมอ น้องยังเดินมาขึ้นรถเองได้ พอให้น้องขึ้นนั่งหน้ารถก็กระวนกระวายไม่ยอมนั่ง จึงให้ไปนั่งในกระบะหลัง พอขึ้นรถได้ก็ทุรนทุรายหายใจไม่ออก สักพักก็ล้มลง เมื่อพาไปถึงโรงพยาบาล หมอก็บอกว่าน้องสิ้นใจแล้ว”

 
 
 
 
ขอบคุณ ไทยรัฐ