ศาลมีนัดตรวจพยานหลักฐาน ด้านอดีตผู้กำกับโจ้ อ้างคลิปถูกตัดต่อ

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดตรวจพยานหลักฐาน คดี อดีต “ผู้กำกับโจ้” กำหนด 3 ประเด็น “ฆ่ามาวิน” หรือไม่ ด้านอดีตผู้กำกับโจ้ ขอความเป็นธรรม อ้างคลิปถูกตัดต่อ แต่ไม่ได้รัดแน่นจนขาดอากาศหายใจ เพียงแต่ทำให้กลัว

⁣⁣

 

 

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดตรวจพยานหลักฐาน ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 180/2564 ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ นางสาวจันทร์จิรา ธนะพัฒน์ ที่ 1 นายจักรกฤษณ์ กลั่นดี ที่ 2 โจทก์ร่วม พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ จำเลยที่ 1 พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง จำเลยที่ 2 ร้.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค จำเลยที่ 3 ร.ต.ท. ธรณินทร์ มาศวรรณา จำเลยที่ 4 ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว จำเลยที่ 5 ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น จำเลยที่ 6 ส.ต.ต. ปวีณ์กร คำมาเร็ว จำเลยที่ 7

 

 

ศาลตรวจพยานหลักฐานและให้โจทก์ โจทก์ร่วม จำเลยทั้งเจ็ด และทนายจำเลยทั้งเจ็ด ตรวจสอบแล้ว จำเลยทั้งเจ็ดรับข้อเท็จจริงว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยทั้งเจ็ด รับราชการตำรวจสังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์

 

ศาลคดีทุจริตฯ ตรวจพยานคดีอดีต "ผู้กำกับโจ้" กำหนด 3 ประเด็น ฆ่ามาวิน หรือไม่

 

วันที่ 4 สิงหาคม 2564 เวลาประมาณ 20.00 น. จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ร่วมกันจับกุมนายจิระพงศ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ กับ นางสาวกนกวรรณ คล้ายนิ่ม ได้ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ชนิดเกล็ดสีขาว (ยาไอซ์) จำนวน 3 ถุง น้ำหนักประมาณ 300 กรัม

 

วันที่ 5 สิงหาคม 2564 เวลา 13.00 น. หลังจากนั้น ตรวจค้นบ้านบิดานายมาวิน ไม่พบยาเสพติดที่ปรากฏในโทรศัพท์มือถือของนายจิระพงศ์ หรือมาวิน จึงได้นำตัวไปสอบสวนขยายผลที่ห้องปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติด (ห้อง 05) สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ จำเลยที่ 1 ได้ใช้ถุงพลาสติกที่ไม่มีช่องอากาศคลุมศีรษะ จำนวนหลายใบ โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อยู่ในที่เกิดเหตุ และรับข้อเท็จจริงว่าอุปกรณ์ที่บันทึกเหตุการณ์ มี 6 ชิ้น เป็นของฝ่ายโจทก์ ฝ่ายจำเลย 2 ชิ้น ซึ่ง ด.ต.ชีวิน เป็นผู้เปิดกล้องวงจรปิดในห้องสอบสวน และเข้าสู่ระบบได้คนเดียว กับเป็นผู้บันทึกเหตุการณ์ตามวัตถุพยานของคู่ความ ซึ่งเป็นชุดเดียวกันทั้งหมด

 

ศาลกำหนดประเด็น ดังนี้

ประเด็นที่ 1 จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตหรือโดยร่วมกันใช้ถุงคลุมศีรษะและข่มขืนใจนายจิรพงศ์ หรือมาวิน ในการสอบสวนขยายผล ค้นหายาเสพติดหรือไม่

ประเด็นที่ 2 จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่อย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ  เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือโดยทุจริต โดยได้ร่วมกันใช้ถุงคลุมศีรษะ และข่มขืนใจนายจิระพงศ์ หรือมาวิน ในการสอบสวนขยายผลค้นหา ยาเสพติดหรือไม่

ประเด็นที่ 3 จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันฆ่านายจิระพงศ์ หรือมาวิน โดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายหรือไม่

ศาลได้ให้คู่ความตรวจสอบจัดกลุ่มพยาน กำหนดพยานในการไต่สวน 23 ปาก ให้สืบพยาน โดยยกเลิกนัดเดิมบางนัด คงมีนัดไว้เดิม และกำหนดนัดใหม่เพิ่มเติมนัดในวันเสาร์ที่ 5 วันเสาร์ที่ 12 และวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 – 16.30 น. รวมเป็น 7 นัด

 

ในระหว่างการตรวจหลักฐาน พ.ต.อ.ธิติสรรค์ จำเลยที่ 1 ใส่ชุดนักโทษสีน้ำตาลอ่อน หน้าตาเคร่งขรึมตลอดการพิจารณา ได้แถลงต่อศาลว่า วันที่เกิดเหตุยอมรับว่าได้ทำการคลุมถุงดำจำนวนหลายใบกับนายจิระพงษ์จริง แต่ไม่ได้ตรึงบีบรัดให้แน่นจนขนาดขาดอากาศหายใจ เพียงแต่ทำให้กลัว

 

และขอให้ศาลช่วยตรวจสอบคลิปที่ส่งไปในครั้งแรก เนื่องจากมีการตัดต่อคลิปนำภาพการพยายามช่วยชีวิตนายจิระพงษ์ และคลิปภาพตำรวจบางนายที่อยู่ในที่เกิดเหตุออกไป และให้การเท็จว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเนื่องจากเจ้าของคลิปมีส่วนรู้เห็น และตนได้ส่งคลิปเต็มผ่านทางทนายให้ศาลพิจารณาแล้ว

 

โดยศาลแจ้งว่า คลิปทั้งหมดศาลจะนำไปเป็นวัตถุพยานหลักฐาน หากจำเลยเห็นต่างก็ให้ว่ากันในของชั้นพิจารณา และหากเห็นว่าเมื่อสืบพยานทั้งหมดที่นัดแล้วยังได้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน ศาลอาจจะพิจารณาเพิ่มพยานในภายหลังได้

 

ต่อมา นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เปิดเผยว่า มีนัดสืบพยานนัดแรก 19-20 ก.พ. โดยคดีนี้มีนัดสืบพยานทั้งหมด 7 นัด นัดสุดท้ายวันที่ 13 มี.ค. ตอนนี้คดีอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลแล้ว ตนก็ทำหน้าที่ในฐานะของทนายความ ระบบไต่สวน เป็นระบบที่ศาลแสวงหาข้อเท็จจริง อะไรที่ไม่พอ เดี๋ยวศาลท่านจะดูเอง

 

 

 

 

ขอบคุณ PPTV36/Sanook.com/ข่าวช่องวัน