ศาลสั่งประหารแม่ปุ๊ก ให้ลูกกินน้ำยาล้างห้องน้ำให้เด็กป่วย หวังเงินบริจาคจากผู้ใจบุญ

ศาลอาญาพิพากษา คดีแม่ปุ๊ก วางยาลูก 2 คน โดยให้ลูกกินน้ำยาล้างห้องน้ำทำให้เด็กป่วย เพื่อหวังเงินบริจาคจากผู้ใจบุญ โดยข้อหาค้ามนุษย์ ทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย พยายามฆ่า และฉ้อโกง ให้ประหารชีวิตสถานเดียวไม่มีเหตุลดโทษ เหตุที่สารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน

 

ศาลสั่งประหารชีวิต "แม่ปุ๊ก" คดีวางยาลูกหวังเงินบริจาค ชี้ไม่มีเหตุลดโทษ

 

ศาลอาญา เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2565 มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ คม.38/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 3 โจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ณัฐติวรรณ หรือ ภัทธานิษฐ์ หรือ นิษฐา หรือ ปุ๊ก จิตรำลึก หรือ จิตลำลึก หรือ วงวาล หรือ วัฒนกุลทิตย์ หรือ รักษ์กุลเจตน์ จำเลย ข้อหาค้ามนุษย์ฯ เพื่อแสวงหาประโยชน์ฯจากการนำคนมาขอทานฯ เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตาย, พยายามฆ่าผู้อื่นฯ, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ ทำการขอทานฯ, ฉ้อโกงฯ, ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นฯ, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ชักจูงฯ ใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทาน

 

กรณีกล่าวหาว่า ระหว่างวันที่ 22 เม.ย. 58 – 12 ส.ค. 62 จำเลยซึ่งรับเด็กหญิง อายุ 4 ปีเศษ (ผู้ตาย) จากมารดามาเลี้ยงอุปการะอยู่ในบ้านจำเลย โดยขณะรับเลี้ยงนั้นให้เด็กกลืนอาหารที่มีการผสมสารมีฤทธิ์กัดกร่อน ต่อเนื่องกันหลายครั้ง เป็นเหตุให้เด็กมีอาการบาดเจ็บที่ทางเดินอาหาร ความดันโลหิตสูงรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด จนต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลหลายครั้ง แล้วจำเลยนำภาพของเด็กขณะที่เจ็บป่วยไปโพสต์บน Facebook ส่วนตัว เชิญชวนประชาชนให้เกิดความสงสาร มาร่วมช่วยเหลือซื้อสินค้าต่างๆ และขอรับบริจาคค่ารักษาพยาบาล

 

นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 10 ก.ย. 60 – 18 พ.ค. 63 จำเลยได้ทำให้บุตรของจำเลยซึ่งเป็นเด็กชาย อายุ 2 ปีเศษ (ผู้เสียหายที่ 1) บาดเจ็บสาหัส จากการกลืนกินอาหารที่มีสารฤทธิ์กัดกร่อนผสมอยู่ต่อเนื่องหลายครั้ง โดยจำเลยโพสต์ภาพเด็กขณะเจ็บป่วย เชิญชวนให้มีการบริจาคเช่นเดียวกัน ซึ่งมีผู้เสียหายที่ 2-6 เกิดความสงสาร และได้ร่วมบริจาคผ่านบัญชีของจำเลย ระหว่างการพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพ (ระหว่างพิจารณาจำเลยถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง)

 

โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6 (1)(2), 35, 52 วรรคสาม, 53/1 (1)(2) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 289, 290, 342, 343 วรรคสอง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1)(2) พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26(5), 78 พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 มาตรา 13 (2) วรรคหนึ่ง, 19

 

การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานค้ามนุษย์โดยเป็นธุระจัดหาฯ จัดให้อยู่อาศัยหรือรับไว้ซึ่งเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีเพื่อแสงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการนำคนมาขอทานหรือการอื่นที่คล้ายคลึงกัน อันเป็นการขูดรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย และเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัส, ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำการขอทานโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ชักจูงส่งเสริมยินยอมหรือกระทำ ด้วยประการใดให้เด็กไปเป็นขอทาน หรือใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทานหรือกระทำผิดเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานค้ามนุษย์โดยเป็นธุระจัดหาฯ จัดให้อยู่อาศัยหรือรับไว้ซึ่งเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการนำคนมาขอทานหรือการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ประหารชีวิต

 

ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกตลอดชีวิต

 

ฐานฉ้อโกงโดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน, ฐานฉ้อโกงโดยการแสดง ข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิว
เตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายบท ให้ลงโทษฐานฉ้อโกงโดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ซึ่งเป็นหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 กระทงๆ ละ 5 ปี เป็นจำคุก 30 ปี

 

ส่วนที่จำเลยให้การรับสารภาพนั้น เพราะจำนนต่อหลักฐาน จึงไม่ลดโทษให้ โดยเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ “ประหารชีวิต” สถานเดียว

 

ทั้งนี้ เมื่อจำเลยต้องโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษที่โจทก์ขอบวกโทษมารวมเข้ากับคดีนี้ได้อีก และไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีที่โจทก์ขอ

 

โดยศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน จำนวน 31,600 บาท จำนวน 2,000 บาท จำนวน 3,800 บาท จำนวน 3,140 บาท จำนวน 2,400 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2-6 ตามลำดับด้วย และให้ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางด้วย.

 

 

 

 

 

ขอบคุณ TNN Online/ไทยรัฐ