หญิงสาวคนหนึ่งถูกชายแปลกหน้าทำร้ายร่างกาย อ้างว่าสาเหตุที่ทำร้าย เพราะหัวเข่าผู้หญิงไปโดนเบาะที่ตัวเองนั่ง จึงตบตีแบบไม่ยั้งมือ
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Diana Pattison” โพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือจากผู้เห็นเหตุการณ์ชายแปลกหน้าทำร้ายร่างกายผู้หญิงซึ่งเป็นเพื่อนของเจ้าตัว จนได้รับบาดเจ็บ บนรถเอกชนร่วมบริการปรับอากาศ สาย 27 เลขข้างรถ 27-52 บริเวณป้ายหยุดรถประจำทางตรงข้ามโรงเรียนทรงวิทย์ศึกษา เพื่อให้ช่วยส่งข้อมูลหลักฐานเอาผิดชายแปลกหน้าคนดังกล่าว
โดยผู้โพสต์เล่าว่า “เพื่อนเราโดนคนแปลกหน้าทำร้ายร่างกายบนรถเมล์สาย 27 ผู้ชายคนนั้นทั้งต่อยทั้งทุบตีไม่ยั้งมือใส่เพื่อนเรา บนรถเมล์คันนั้น ช่วงเวลา 21:00 โดยประมาณ
ก่อนที่มันจะตีเพื่อนเรา มันหันมาด่าว่าเข่าเพื่อนเราไปโดนมัน จากนั้นก็กระหน่ำไม่ยั้งเลยค่ะ ทรัพย์สินเพื่อนเราได้รับความเสียหาย คือ แว่นตาแตกและหน้าจอโทรศัพท์แตกละเอียดยิบ ส่วนร่างกายคือเลือดออกจมูก หัวแตก ปากแตก แก้มช้ำ สภาพร่างกายบอบช้ำ แต่จิตใจบอบช้ำยิ่งกว่า
ที่น่าหดหู่คือ ไม่มีใครสักคนบนรถ ที่จะให้ความช่วยเหลือผู้หญิงตัวบางๆ คนนึง ไม่มีเลยไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ไม่มีการถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน พอมันทำร้ายร่างกายเพื่อนเราเสร็จมันก็ลงรถเมล์แล้วหลบหนีไปเลย
ขอความกรุณาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ของวันที่ 25 / 05 / 2564 หากใครพอจะมีเบาะแสคนร้ายจะน้อยจะมากก็ได้ รบกวนช่วยแจ้งข้อมูลมาใน inbox ทีนะคะ กราบขอความกรุณาช่วยแชร์ข้อความนี้ทีค่ะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ ทางเพื่อนเราได้เข้าแจ้งความและตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้วค่ะ #เรื่องเล่ารถเมล์สาย27”
หญิงผู้เสียหายออกมาเปิดใจกับทีมข่าวในสภาพที่ยังมีรอยแผลที่ใบหน้าและอาการบวมที่ขมับ ซึ่งในระหว่างที่คุยทีมข่าวสังเกตเห็นว่าเธอยังพูดได้ไม่เต็มคำ เพราะยังรู้สึกปวดที่ใบหน้า พร้อมกับโชว์ใบแจ้งความเพราะต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุดกับคนร้าย
เธอเล่าว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืน ระหว่างนั่งรถเมล์ร่วมบริการสาย 27 มีนบุรี -อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลาประมาณ 21.00น. เธอขึ้นรถเมล์คันนี้ที่ป้ายรถเมล์หน้าเดอะมอลล์บางกะปิ ก่อนจะเดินไปนั่งเบาะคู่ ก่อนถึงเบาะสุดท้าย ฝั่งเดียวกันกับคนขับ ชิดกระจกรถ ชายผู้ก่อเหตุ นั่งเบาะหน้า ลักษณะ ผอม สีผิวคล้ำ ใส่หมวก ใส่เสื้อคลุม ลุกขึ้นยืน หันมา ตบหัว ชกหน้า จนแว่นหลุด พร้อมพูดว่า “เข่ามึงมาโดนเบาะกู”
ขณะที่รถกำลังจะเข้าจอดที่ป้ายรถเมล์ ปากซอยเสรีไทย83 จู่ๆก็มีผู้ชาย ลักษณะ ผอม สีผิวคล้ำ ใส่หมวก ใส่เสื้อคลุม ลุกขึ้นยืน แล้วหันมาตบหัว ชกหน้า จนแว่นหลุด พร้อมพูดว่า “เข่ามึงมาโดนเบาะกู”
ชายผู้ก่อเหตุ เดินวนออกมาทำท่าทำร้าย ชกต่อย ซ้ำอีกหลายครั้ง หญิงตะโกนร้องขอความข่วยเหลือ แต่ไม่มีคนช่วย หลังจากทำร้ายไปครั้งแรก เหตุการณ์ก็ยังไม่จบ เพราะชายคนเดิมเดินวนออกมาทำท่าทำร้าย แล้วชกต่อย ซ้ำอีกหลายครั้ง ทำให้เธอตะโกนร้องขอความข่วยเหลือ แต่ไม่มีใครมาช่วย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชายผู้ก่อเหตุ เดินลงจากรถเมล์หนีไป หญิงบาดเจ็บ มีเลือดออก แว่นสายตาแตก หน้าจอมือถือแตก หลังจากนั้นคนร้ายเดินลงจากรถแล้วหนีไป ส่วนเธอมีแผลที่ใบหน้า บวม และมีอาการมึน ข้าวของกระจัดกระจาย โทรศัพท์และแว่นตายเสียหาย
หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายเล่าว่า เธอต้องขอให้รถเมล์จอดรอที่ป้ายก่อน และขอผู้โดยสารรอประมาณ15 นาที เพราะเป็นจุดเกิดเหตุ รอให้ตำรวจมาเก็บหนักฐานแต่กว่าตำรวจจะมาถึงเกือบ 1 ชั่วโมง ทำให้ผู้โดยสารคนอื่นรอไม่ได้
เธอย้ำว่า เหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นไม่ว่ากับผู้หญิงหรือผู้ชาย และมองว่าพฤติกรรมคนร้ายโหดเหี้ยมเกินไป เพราะกล้าทำต่อหน้าคนจำนวนมาก และที่สาธารณะ จึงอยากให้ตำรวจเร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนตอนนี้มีคนเห็นเหตุการณ์โทรมาขอโทษ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้ ยืนยันว่าจะช่วยเหลือเธอในกระบวนการทางกฎหมาย
ทีมข่าวสำรวจจุดเกิดเหตุ บริเวณป้ายรถเมล์ ปากซอยเสรีไทย 83 พบว่ามีกล้องวงจรปิดของ กทม.อย่างน้อย 4 ตัว และไม่ค่อยมีบ้านคน ใกล้กัน ทีมข่าวไปพบรถเมล์คันเกิดเหตุจอดอยู่ และเจอกับกระเป๋ารถเมล์ เธอเล่าว่าเหตุการณ์เมื่อคืนเปิดขึ้นเร็วมาก ระหว่างที่เธอกำลังเรียกผู้โดยสารให้ขึ้นรถที่ป้าย จู่ๆก็ได้ยินเสียงคนร้ายร่างกาย ระหว่างนั้นมีผู้โดยสารใส่ชุดยูนิฟอร์ม คล้ายพนักงานรักษาความปลอดภัย เข้าไปห้าม ว่าอย่าทำร้าย แต่คนร้ายไม่ฟัง ซึ่งตอนนั้นทุกคนตกใจ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เพราะเห็นมือคนร้ายล้วงกระเป๋า กลัวว่าจะมีอาวุธ กระเป๋ารถเมล์คนนี้ เธอขอโทษผู้เสียหายที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เธอย้ำว่าเข้าใจความรู้สึกของผู้เสียหายดี ที่ตัดพ้อไม่มีใครเข้าไปช่วย และหากเธอเป็นฝ่ายที่ถูกทำร้าย เธอก็คิดแบบนั้นเช่นกัน และย้ำว่าเธอเป็นผู้หญิง และอายุมาก ก็กลัวจะถูกทำร้ายเหมือนกัน
ทีมข่าวพีพีทีวีได้ขึ้นไปบนรถเมล์คันเกิดเหตุ เพื่อดูความเป็นไปได้ว่าเบาะที่เกิดเหตุ หากเข้าไปนั่งมีโอกาสที่หัวเข่าจะไปชนกับเบาะด้านหน้าหรือไม่ ไปดูคุณอัฟนัน อับดุลเลาะ อธิบายประเด็นนี้
สำหรับรถเมล์ร่วมบริการสาย 27 เป็นรถมินิบัส แบบพัดลม จากการตรวจสอบรถเมล์คันนี้ไมมีกล้องวงจรปิดภายในรถ ในส่วนคดีความเธอแจ้งความตำรวจสน.บางชัน ไว้แล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ ทั้งนี้เธอได้ฝากไปถึงคนที่เห็นเหตุการณ์ ให้ช่วยมาเป็นพยานในคดีเธอ เพื่อให้สามารถจับกุมคนร้ายโดยเร็ว
ล่าสุด พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ บก.น.3 และ บก.น.4 ตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากรถเมล์ดังกล่าววิ่งคาบเกี่ยวเส้นทางของ2 พื้นที่ รวมทั้งให้ศูนย์ 191 ตรวจสอบการแจ้งเหตุ
ว่ามีการโทรศัพท์ไปแต่ตอนแรก ว่า เหตุเกิดที่บริเวณวัดบำเพ็ญเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ สน.มีนบุรี เมื่อสายตรวจไปตรวจสอบไม่พบเหตุจึงได้ประสานไปที่ผู้แจ้งอีกครั้ง จึงทราบว่าเกิดเหตุพื้นที่ สน.บางชัน ผู้เสียหายจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด โดยพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ได้ส่งตัวผู้เสียหายไปทำการรักษาและตรวจบาดแผลที่ รพ.นวมินทร์ 9 เรียบร้อยแล้ว
สำหรับในเรื่องการมาให้ปากคำ เนื่องจากวันนี้ ผู้เสียหายติดธุระ พนักงานสอบสวนจะแจ้งนัดหมายอีกครั้งต่อไป
ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์/PPTV36