ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบที่เกิดและเก็บหลักฐานเพิ่มเติม บริเวณทุ่งนาท้ายบ้านลาด ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ หลังจากมีชาวบ้านไปพบศพนายสมมาตย์ ศรีชัยวาลย์ อายุ 47 ปี ชาวบ้านลาด ม.7 ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์นอนเสียชีวิตอยู่ในทุ่งนา ซึ่งญาติเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม
ทั้งนี้ เหตุการณ์พบศพดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 11.00 น.วันที่ 16 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ณรงค์ วังเสนา ร้อยเวร สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบศพคนเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ บริเวณทุ่งนาท้ายบ้านลาด ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ จึงได้รายงานไปยัง พ.ต.อ.ภูมี อีคะละ ผกก.สภ.กมลาไสย พร้อมประสานหน่วยกู้ภัยกุดหว้า จุดบริการอำเภอกมลาไสย แพทย์เวรโรงพยาบาลกมลาไสยออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ
โดยที่เกิดเหตุพบศพชาย ทราบชื่อคือนายสมมาตย์ ศรีชัยวาลย์ อายุ 47 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ในป่าข้าวข้างคันนา สภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีส้ม นุ่งกางเกงยีนส์ ตรวจสอบเบื้องต้นพบบาดแผลที่บริเวณศีรษะแตกยาวประมาณ 1 ซม.บริเวณเหนือหูด้านซ้าย ตามร่างกายไม่พบบาดแผลอื่นหรือรอยฟกช้ำที่ถูกจากการทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้จากการตรวจสอบบริเวณโดยรอบพบต้นข้าวล้มคล้ายรอยถูกลาก ห่างไปเล็กน้อยพบไฟฉายส่องตกอยู่และพบรถจักรยานยนต์ผู้ตายจอดอยู่บนถนน
ทั้งนี้ห่างไปประมาณ 100 เมตร พบกระท่อมที่ผู้ตายพักอาศัย ภายในกระท่อมพบขวดน้ำอัดลมสีเขียว และกระป๋องยาฆ่าหญ้า ซึ่งข้างในยังมีน้ำเหลือ บริเวณพื้นดินพบรองเท้าแตะของผู้ตายและมีเศษอาหารที่เกิดจาการอาเจียน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับส่งศพไปตรวจชันสูตรที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด เนื่องจากญาติติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิตและเชื่อว่าอาจจะถูกฆาตกรรม
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า เดิมผู้ตายเป็นชาว อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด มีภรรยาชื่อนางอังคณา บัวคำภู อายุ 43 ปี และได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่บ้านลาด ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย มานาน 20 กว่าปีแล้ว ซึ่งก่อนเกิดเหตุได้ทะเลาะและมีปากเสียงกัน จนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ก่อนช่วงเย็นได้ไปนอนที่กระท่อมทุ่งนา กระทั่งรุ่งเช้าคนพบมาพบเป็นศพเสียชีวิตอยู่บริเวณดังกล่าว
นางนันท์นภัส วิจิตรขจี ชาว อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด พี่สาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ในวันเกิดตนทราบข่าวว่าน้องชายเสียชีวิตตกใจอย่างมาก จึงรีบเดินทางมาดูที่เกิดเหตุ ซึ่งก็พบความผิดปกติหลายอย่าง โดยเฉพาะบริเวณที่เกิดเหตุมีร่องรอยต้นข้าวล้ม คล้ายกับรอยลากศพของน้องชายเป็นทางยาว อีกทั้งก่อนเกิดเหตุไม่มีท่าทีว่าจะฆ่าตัวตาย และไม่มีโรคประจำตัว และที่สำคัญครอบครัวก็เร่งรีบที่จะเผาศพเร็วเกินไป ดังนั้นญาติจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งศพไปชันสูตรหาสาเหตุก่อน เพราะชื่อว่าน้องชายอาจจะถูกฆาตกรรม หรือฆ่ามาจากที่อื่นแล้วนำศพมาอำพราง ไม่ได้เป็นการฆ่าตัวตาย
ด้านนางอังคณา บัวคำภู อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ 7 บ้านลาด ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ภรรยาผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ปกตินายสมมาตย์ สามีเป็นคนใจร้อน วู่วาม ชอบดื่มสุรา ซึ่งมักจะมีปากเสียงและหาเรื่องทะเลาะกับตนเป็นประจำ โดยทุกครั้งที่ทะเลาะกันสามีก็จะหนีออกมานอนที่กระท่อมนา และพออารมณ์ดีก็จะกลับเข้าไปในหมู่บ้าน จนถือเป็นเรื่องปกติตลอด 24 ปีที่แต่งงานกันมา และอยู่กินฉันท์สามีภรรยาจนมีบุตรด้วยกัน 2 คน เป็นชายและหญิง
นางอังคณา กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุที่สามีจะเสียชีวิต ก็หาเรื่องทะเลาะกับตนด้วยเหตุหึงหวง ก่อนที่จะได้รับข่าวร้ายว่าสามีเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งทำให้ตนและญาติพี่น้องรู้สึกโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก และยังทำใจไม่ได้ อีกทั้งยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตด้วย เนื่องจากนายสมมาตย์ สามีไม่น่าจะมาเสียชีวิตในสภาพนี้ ถึงแม้ตอนที่เคยทะเลาะกันหรือก่อนหน้านี้ สามีมักจะบ่นว่าอยากตายก็ตาม แต่ตนก็ยังรักสามี แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็อยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด ส่วนที่ต้องการฌาปนกิจศพนั้น เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ จึงต้องรีบจัดการศพตามประเพณี ตามความเชื่อของชาวบ้าน
ขณะที่ พ.ต.อ.ภูมี อีคะละ ผกก.สภ.กมลไสย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบร่างกายผู้เสียชีวิตพบเพียงบาดแผลคล้ายถูกของมีคมบาดที่ศีรษะยาวประมาณ 1 เมตร ซึ่งแพทย์ระบุว่าไม่น่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต อย่างไรก็ตามตรวจสอบบริเวณกระท่อมนั้นพบขวดน้ำอัดลมและพบกระป๋องยาฆ่าหญ้า ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ทะเลาะกับภรรยา อีกทั้งทางญาติผู้เสียชีวิตติดใจในสาเหตุ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากการฆ่าตัวตาย ฆาตกรรม หรือสาเหตุอื่น เนื่องจากอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งศพไปชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด พร้อมกับเตรียมสอบปากคำภรรยาและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อที่จะเร่งคลี่คลายคดีให้เกิดความชัดเจนโดยเร็วที่สุด