ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับกรรมการกลางฯ สถาบันมาตรฐานฮาลาลและมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย แถลงข่าวด่วนวันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม 2563 หลังละหมาดวันศุกร์ ที่ ศูนย์กลางฯ ประเด็น “ขายเนื้อหมูปลอมเป็นเนื้อวัว” หลอกขายลามหลายพื้นที่ในกทม.ปทุมธานี ฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ ทราบแหล่งที่มาแล้วกรรมการกลางฯกำลังรวบรวมหลักฐานเอาผิด
รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล กล่าวว่า จากกรณีที่ผู้บริโภค ผู้ประกอบการร้านค้าร้านอาหาร เขียงเนื้อและฝ่ายกิจการฮาลาล คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ส่งตัวอย่างเนื้อต้องสงสัยมาตรวจวิเคราะห์ ส่งห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล โดยใช้เทคนิค เครื่อง Real-Time PCR ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผลปรากฏส่วนใหญ่เป็นเนื้อสุกร
และมีบางส่วนได้ทำการขายผ่านช่องทางออนไลน์โดยประกาศว่า เป็นเนื้อวัวฮาลาล เมื่อนำมาตรวจสอบตามหลักวิทยาศาสตร์ ผลปรากฏว่า มีจำนวนน้อย ที่เป็นเนื้อวัว และเมื่อนำมาตรวจสอบแล้วส่วนใหญ่ ปรากฏว่าเป็น เนื้อสุกรโดยเอาเลือดวัวทา
ถ้ามองด้วยสายตา ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าแบบไหนเป็นเนื้อวัว หรือเนื้อสุกร ได้รับการเปิดเผยว่าหากเป็นเนื้อสุกรแก่ จะมีความคล้ายคลึงกับเนื้อวัวมากถ้านำเลือดวัวมาทาบนเนื้อสุกรจะสังเกตได้ยากมาก
“ในช่วงนี้อยากให้ประชาชนเฝ้าระวัง “เนื้อหมูปลอมเป็นเนื้อวัว” ให้มาก เพราะจากตัวอย่างที่ได้รับ มีหลายพื้นที่หรือระบาดเป็นวงกว้างอย่างยิ่ง ทั้งนี้อาจจะด้วยเหตุผลว่า ราคาต้นทุนของ เนื้อหมูนำมาปลอมเป็นเนื้อวัว แถวหนองจอกราคาขายส่งจะอยู่ที่ประมาณ 145บาทราคาขายปลีกจะอยู่ที่180-190บาท ในเขตประเวศตรวจพบที่ร้านก๋วยเตี๋ยวมุสลิมรับเนื้อหมูปลอมเป็นเนื้อวัวมาในราคา195 บาท ในเขตบึงกลุ่มเสรีไทย ตรวจพบว่าขายผ่านเฟสบุครับประกันว่าฮาลาลแต่จริงๆแล้วคือเนื้อหมูขายในราคา195 บาท รายงานข่าวแจ้งว่าหากเป็นเนื้อวัวที่เขียงเนื้อมุสลิมราคาขายตามแผงจะอยู่ที่220-250 บาท”
นายณรงค์เดช สุขจันทร์รองเลขาธิการฯและฝ่ายกิจการฮาลาล คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เผยว่า
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 ได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการหลายรายและได้นำเนื้อต้องสงสัย ส่งตรวจ ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันที่ 18 มิถุนายน 2563 ได้รับการรายงานผล ว่าเป็นเนื้อสุกร
วันที่ 22 มิถุนายน 2563 ได้มีกลุ่มร้านค้าหลายๆร้านมาประชุมแจ้งเบาะแสให้ตรวจสอบข้อมูลรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลและได้ประสานทางหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในทางกฎหมาย
วันที่23 มิถุนายน 2563 ได้มีหนังสือไปยัง4จังหวัดคือกทม. ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี สมุทรนปราการ ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยให้แจ้งไปยังมัสยิดในจังหวัดเหล่านั้นให้ทราบและระมัดระวัง