พยาบาลสาวชาวอังกฤษติดเชื้อโควิด-19 นอนโคม่าอยู่ 45 วัน แต่หลังจากได้รับยาไวอะกร้า เพียงสัปดาห์เดียวอาการของพยาบาลสาวก็ดีขึ้นจนหายเป็นปกติ
วันที่ 3 ม.ค. มิร์เรอร์ รายงานเรื่องราวการรักษานางพยาบาลที่ติดเชื้อ โควิด-19 จนอาการโคม่าและต้องแอดมิตอยู่ในแผนกผู้ป่วยหนักถึง 45 วัน ท่ามกลางความหวาดวิตกของครอบครัวว่าจะสูญเสียคนที่รัก
กระทั่งแพทย์ใช้ “ไวอากร้า” ยารักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และเพียงสัปดาห์เดียวอาการของพยาบาลสาวก็ดีขึ้นจนหายเป็นปกติ
นางโมนิกา อัลเมดา อายุ 37 ปี พยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ ชาวเมืองเกนส์โบโร มณฑลลิงคอล์นเชอร์ ทางภาคตะวันออกของอังกฤษ เปิดเผยว่าได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบสองโดสแล้ว แต่ช่วงต้นเดือนพ.ย.2564 ผลตรวจหาเชื้อปรากฏเป็นบวก เช่นเดียวกับนายอาเธอร์ อัลเมดา สามีของโมนิกา รวมถึงลูกชายสองคน อายุ 9 ปี และ 14 ปี
จากนั้นไม่นานอาการของโมนิกาก็เริ่มหนักต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลลินคอล์นเคาน์ตี และเมื่อวันที่ 16 พ.ย. อาการทรุดหนักต่อเนื่องจนโคม่า ต้องอยู่แผนกไอซียูนาน 45 วัน ต่อมาแพทย์ผู้ทำการรักษาให้ “ยาซินเดนาฟิล” ซึ่งมักรู้จักในรูปแบบของยาเม็ดไวอากร้า หลังจากได้รับยาตัวนี้โมนิกาสามารถหายใจได้สะดวกขึ้นและเริ่มรู้สึกตัวเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.
“ในระยะเวลา 48 ชั่วโมง ฤทธิ์ของยาเปิดทางเดินหายใจของฉันและปอดก็เริ่มตอบสนอง หากคุณคิดว่ายานี้ทำงานอย่างไร มันช่วยขยายหลอดเลือดของคุณ ฉันเป็นโรคหอบหืดอยู่แล้วและถุงลมปอดของฉันต้องการความช่วยเหลือนิดนึง เป็นเพราะไวอากร้าแน่ๆ ที่ช่วยชีวิตฉันไว้” พยาบาลสาวกล่าว
ก่อนเล่าอีกว่าในช่วงที่ได้รับยาซินเดนาฟิล ปริมาณออกซิเจนเพิ่มเติมที่ตนจำเป็นต้องได้รับลดลงไปมากถึงร้อยละ 50 และราว 1 สัปดาห์หลังได้รับยาซินเดนาฟิลแพทย์ก็อนุญาตให้ตนออกจากโรงพยาบาลและกลับไปพักฟื้นที่บ้านช่วงเย็นวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“ฉันพูดเล่นกับที่ปรึกษาของฉันหลังจากอาการดีขึ้น เขาบอกฉันว่าเป็นเพราะไวอากร้า ฉันหัวเราะและคิดว่าเขาคงขำเหมือนกัน แต่ไม่เลยเขาย้ำว่าไม่นะ มันเรื่องจริง คุณได้รับไวอากร้าปริมาณมากเลย นี่เป็นความอัศจรรย์เล็กๆ น้อยๆ ในช่วงคริสต์มาสของฉัน เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาบอกว่าอาจจะต้องปิดเครื่องช่วยหายใจของฉันภายใน 72 ชั่วโมง ฉันอาจจะจากไปในวัย 37 ปี แต่ฉันดื้อนิดๆ และฉันต่อสู้ไม่หยุด” โมนิกากล่าว
และว่าระหว่างที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกแผนกดูแลอย่างดีมากๆ ตนรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณทุกคน “ตอนที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่พากันร้องไห้ดีใจ มันเป็นอะไรที่ซาบซึ้งใจมากๆ พวกเขาบอกกับฉันว่าฉันมีโอกาสรอดชีวิตแค่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ฉันก็กลับมาบ้านและได้ฉลองคริสต์มาส”
ขอบคุณ มติชน/ข่าวสด/มิร์เรอร์