โรงเรียนดังแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี จัดอบรมค่ายธรรมะให้กับนักเรียนชั้นม.5 มีการส่งหนังสือขออนุญาตจากผู้ปกครอง และแจ้งว่าหากนักเรียนไม่เข้าจะถูกหัก 5 คะแนน แต่แท้จริงเป็นการอบรม ลัทธิอนุตตรธรรม ซึ่งเป็นลัทธิความเชื่อที่มีต้นกำเนิดจากจีน มีการประกอบพิธีกรรมที่ผิดจากพุทธศาสนา เช่น การเผารายชื่อนักเรียน และบอกว่าสวรรค์รับรู้แล้ว
วันที่ 2 ธ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จ.อุบลราชธานี มีการจัดอบรมค่ายธรรม โดยมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 18 ห้องเรียนเข้ารับการอบรม ซึ่งมี นายดุริยะ จันทร์ประจำ ผู้อำนวงยการโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช เป็นประธานเปิดการอบรม แต่ภายหลังเข้ารับการอบรมปรากฎว่า มีเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งไม่ยอมเข้ารับการอบรม เนื่องจากเป็นการเข้ารับการอบรมลัทธิอนุตรธรรม
ซึ่งเป็นลัทธิความเชื่อหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนไม่ใช่พระพุทธศาสนา ซึ่งลัทธิอนุตรธรรมสอนว่า จิตวิญญาณเท่านั้นที่มาจาก “พระองค์ธรรมมารดา” ร่างกายเป็นเพียงที่พำนักชั่วคราว การได้รับถ่ายทอด “วิถีอนุตรธรรม” ทำให้เราได้รับสิ่งวิเศษ 3 อย่าง คือ 1.มโนทวา 2.สัจจคาถา 3.ลัญจกร การขอรับวิถีธรรมจะนำพาตัวเองขึ้นไปสู่ความเป็นนิรันดร
ต่อมามีทวิตเตอร์ของผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช โพสต์ทวิตภาพและข้อความ จนติดอันดับ 1 ของทวิตเตอร์ #bmfact โจมตีการจัดอบรมดังกล่าวว่าไม่เหมาะสม ซึ่งถ้านักเรียนไม่เข้ารับการอบรมจะต้องถูกหัก 5 คะแนน ทางโรงเรียนโดยนายดุริยะ จันทร์ประจำ ผู้อำนวยการโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ต้องสั่งให้หยุดการอบรมในช่วงบ่ายทันที นอกจากนี้ยังมีทวิตเตอร์ของผู้ปกครองนักเรียนเข้าไปโพตส์โจมตีการบริหารงานของผู้อำนวยการโรงเรียนอีกด้วย
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช น้องคนหนึ่ง เล่าเหตุการณ์ให้ทีมข่าวฟังว่า วันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าทางโรงเรียนได้มีกิจกรรมจัดค่ายพัฒนาคุณธรรมขึ้น สำหรับเด็กนักเรียนชั้น ม.5 ทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรม หมายกำหนดการระบุเวลาเริ่มกิจกรรมตั้งแต่ 7 โมงเช้าให้ลงทะเบียน โดยให้เด็กนักเรียนชั้น ม.5 ทุกคน แต่งกายชุดนักเรียนให้เรียบร้อย อาหารกลางวันรับประทานอาหารเจ และไม่ต้องเข้าแถวหน้าเสาธง
ส่วนบรรยากาศเมื่อเข้าไปภายในห้องประชุม ทาง ผอ.โรงเรียนได้ทำพิธีเปิดงานตามปกติ มีการพูดถึงการเกิดแก่เจ็บตายตามหลักพระพุทธศาสนา แต่หลังจาก ผอ.เดินทางกลับได้มีเจ้าหน้าที่คนนอก คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของลัทธิแต่งตัวแปลก ๆ ได้เริ่มเปิดวิดิทัศน์อธิบายถึงความเป็นมาลัทธิ มีการพูดถึงยมฑูตวิญญาณต่าง ๆ ทำเอาพวกตนเองก็งงว่า เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาตรงไหน
และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากดูวิดิทัศน์จบ เจ้าหน้าที่ลัทธิได้ทำพิธีบางอย่างบนเวที และได้เรียกเด็กนักเรียนชายจำนวนหนึ่งให้ขึ้นไปบนเวทีร่วมพิธีกรรม ส่วนนักเรียนหญิงให้นั่งอยู่ด้านล่างและหันหลัง บอกห้ามบันทึกภาพและวิดีโอ
ก่อนตนเองจะมาทราบภายหลังว่า เจ้าหน้าที่ลัทธิได้ให้เด็กนักเรียนชายบนเวทีที่ทำพิธี เขียนชื่อลงในกระดาษ และได้จุดไฟเผากระดาษ อ้างว่าเป็นการลบชื่อออกจากบัญชียมทูตเพื่อที่จะได้ขึ้นสวรรค์ และพูดถึงเรื่องดวงวิญญาณต่าง ๆ ซึ่งไม่เหมือนหลักพระพุทธศาสนาที่เคยเห็นหรือเคยเรียนมาก่อน ตนเองและเพื่อนนักเรียนอีกจำนวนมากเห็นแล้วก็รู้สึกกลัว บางคนร้องไห้เพราะไม่เคยเจอและรีบเดินหนีออกจากห้องประชุมทันที
หลังเกิดเรื่องตนเองไม่ทราบจริง ๆ ว่า ใครเป็นคนเอาลัทธิพวกนี้มาให้พวกตนเองเรียนรู้ ซึ่งตนเองมองว่าไม่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา และอยากให้ ผอ.โรงเรียน และคณะผู้บริหารช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกภายในโรงเรียน
ทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง นายดุริยะ จันทร์ประจำ ผู้อำนวยการโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ยืนยันว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในโรงเรียนของตนเองจริง ซึ่งทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมค่ายพัฒนาคุณธรรมให้กับนักเรียนชั้น ม.5 โดยมีคุณครูกลุ่มสาระสังคมเป็นครูที่สอนพุทธศาสนาเป็นผู้คิดจัดขึ้น
ช่วงแรกที่เสนอโครงการนี้ ครูฝ่ายสังคมได้นำเสนอโครงการอ้างว่าเป็นกิจกรรมที่เคยจัดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อนที่โรงเรียนเดิม จึงลองเอามาจัดให้นักเรียนได้ลองร่วมกิจกรรม ส่วนครูอีกท่านเป็นรองวิชาการบวช 13 พรรษา ก็บอกว่าเป็นกิจกรรมพระพุทธศาสนาแบบมหายาน แบบผสมพระจีน แต่รายละเอียดกิจกรรมไม่ได้บอกรายละเอียดว่าจะทำอะไรบ้าง
ขณะนั้นตนเองก็คิดว่า เป็นโครงการพัฒนาคุณธรรมทั่วไปและได้อนุมัติโครงการจัด และเดินทางไปเปิดงานในช่วงเช้า เมื่อเสร็จก็รีบเดินทางไปประชุมต่อที่เขตพื้นที่การศึกษาทันที จึงไม่ทราบว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จนมาทราบอีกทีคือเด็ก ๆ ได้ลงคลิปลงโซเชียลฯ และมีผู้ปกครองโทรศัพท์มาหาตนเอง เพราะกลัวว่าเป็นลัทธิประหลาด มีการสอนเด็กเรื่องยมฑูต ดวงวิญญาณต่าง ๆ ซึ่งตนเองทราบเรื่องจึงรีบสั่งให้ยกเลิกกิจกรรมทันที ซึ่งยังไม่มีการทำพิธีอะไรไปมากกว่านั้น
หลังเกิดเรื่องตนเองยืนยันว่า จะตั้งคณะกรรมการสอบว่าใครเป็นคนนำกิจกรรมลัทธิอนุตรธรรมมาสอนเด็ก ซึ่งตนเองไม่เห็นด้วยแน่นอนอะไรที่ทำให้เด็กนักเรียนกลัว หรือผู้ปกครองไม่สบายใจ ตนเองไม่เพิกเฉยอยู่แล้วและจะแก้ไขทันที หลังจากนี้ตนเองจะต้องรายงานข้อมูลทั้งหมดให้ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา และ สพฐ. ทราบต่อไปด้วย
ขณะที่ ริว จิตสัมผัส ให้ความเห็นเกี่ยวกับลัทธิอนุตตรธรรมผ่านช่องยูทูบไว้เมื่อเดือน ก.ค. 64 ว่าจริง ๆ แล้วลัทธิดังกล่าวมาจากประเทศจีน เป็นความเชื่อของทางมหาญาณ แล้วมีการนำเข้ามาที่ประเทศไทย ถ้าถามว่าเป็นลัทธิที่ล้างสมองหรือไม่นั้นยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น เพราะไม่มีการสร้างรูปปั้นตัวเองหรือยกตัวเองเป็นใหญ่เหนือศาสนาอื่น แต่จะสอนให้เชื่อเรื่องนรก สวรรค์ เรื่องของยมทูต ตามแนวความเชื่อมหาญาณ ผู้ที่นับถือเบื้องต้นจะต้องกินเจ ทำบุญ มีความเชื่อว่าจะหลุดพ้นจากการเวียน ว่าย ตาย เกิด เป็นการรวมทั้งศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม
ด้าน นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา มองว่าลัทธิอนุตตรธรรมเป็นลัทธิที่น่ากลัว เพราะเป็นลัทธิที่เคลมว่า ตัวเองเป็นบรรพบุรุษ เป็นพ่อของทุกศาสนา เป็นลัทธิมาใหม่ ลอกคำสอนของทุกศาสนา แล้วไปก้าวก่ายคำสอนทุกศาสนาไปทั้ว ทั้งศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม รวมทั้งยังอ้างว่าลัทธิตัวเองเป็นต้นตำรับของทุกศาสนาให้กำเนิดทุกศาสนา
ส่วนตัวมองว่า อันตรายมีการพยายามจะเผยแพร่เป็นลัทธิความเชื่อไปสู่โรงเรียนและระบบรัฐ รวมถึงมีปมดราม่าไปตัดคะแนนเด็กที่ไม่เข้าอบรมถือว่าละเมิดสิทธิ์ของนักเรียน ครูที่จัดอบรมต้องทบทวนรวมทั้งผู้อำนวยการโรงเรียนปล่อยให้มีคำสอนของลัทธินอกรีตแบบนี้เข้ามาอยู่ในโรงเรียนได้อย่างไร
ก่อนหน้านี้ 2-3 ปี นักวิชาการศาสนาหลายคนก็เคยพยายามออกมาเตือนเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามทางด้านนักศาสนาไม่มีใครเชื่อในลัทธิมีแต่ความกลัวเพราะว่าเคลมทุกศาสนา ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลด้วย
ขอบคุณ อมรินทร์ทีวี
