สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ยังคงน่าวิตก หลังจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกในหลายจังหวัดและส่อเค้าว่าจะแพร่กระจายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ หากประชาชนยังเพิกเฉยต่อมาตรการทางสาธารณสุข ขณะที่ ศบค.เตรียมเสนอให้รัฐบาลยกระดับการป้องกันเชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดด้วยการออกประกาศให้ 28 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือพื้นที่สีแดง
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า แต่ถ้าตัวเลขไม่ลดลงและมีข้อแม้ที่แปรเปลี่ยนไปเช่น ไม่ร่วมมือ การติดเชื้อสูงขึ้น ทรัพยากรไม่พอ ต้องไปขั้นที่ 2 คือ จำกัดเวลาเปิด-ปิด สถานประกอบการเพิ่มมากขึ้น (รวมทั้งจำกัดการเปิดกิจการบางประเภทด้วย) เหมือนกับช่วงล็อกดาวน์ แต่เราไม่ใช้คำว่าล็อกดาวน์ ปิดสถาน ประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เพิ่มความเข้มข้นเร่งค้นหาและจับกุมกลุ่มบุคคลที่มั่วสุมทำผิดกฎหมาย งดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เพิ่มความเข้มข้นมาตรการควบคุมการเดินทางข้ามจังหวัด แต่ตอนนี้ยังเดินทางได้
นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวว่า ทั้งนี้ การจำกัดเวลาออกนอกเคหสถาน ในที่ประชุมพูดคุยกันมาก ถ้ามีตรงนี้เกิดขึ้นจังหวัดสามารถออกได้ แต่ละพื้นที่จะเป็นคนกำหนด ถ้าเป็นคนที่ในจังหวัดติดเชื้อสูงมากๆอาจจะล็อกดาวน์ก็เป็นไปได้ โดยยืดหยุ่นในแต่ละพื้นที่ ถ้าคิดว่าจังหวัดตัวเองถูกล็อกดาวน์แล้วไปอยู่จังหวัดข้างๆกับจังหวัดข้างๆก็ต้องถูกล็อกพื้นที่มากขึ้น เพราะฉะนั้น 28 จังหวัดถือว่ารับชะตาเดียวกัน จริงๆไม่อยากให้เครียด แต่เชื้อไวรัสตัวนี้ไว้ใจไม่ได้ เพราะมามากขนาดนี้
ยังไม่ประกาศเคอร์ฟิวช่วงข้างหน้านี้ โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า ถ้าปฏิบัติตาม 6 ข้อมาตรการป้องกันได้ ก็ยังมีอิสระดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ทั้งหมด ถ้าไม่ได้ก็ต้องตั้งด่านเต็มไปหมด เพียงแต่ประกาศหรือไม่ประกาศเคอร์ฟิวเท่านั้น แต่คิดว่าคงไม่ประกาศเคอร์ฟิวในช่วงเวลาข้างหน้านี้ เพื่อที่ทุกอย่างได้ดำเนินการไปได้ สถานศึกษายังคงหยุดเรียน การสอน เว้นกิจกรรมที่มีความจำเป็น เช่น อาหารกลางวันกับเด็กในถิ่นทุรกันดาร เร่งรัดและเพิ่มการทำงานแบบ Work from Home อย่างเต็มขีดความสามารถ เร่งรัดการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกและการสอบสวนโรคในพื้นที่เสี่ยง กิจกรรม/กิจกรรมเสี่ยง กลุ่มบุคคลเสี่ยง จำกัดเวลาออกนอกเคหสถานในพื้นที่ ศปก.จังหวัดกำหนด ห้วงเวลาดำเนินการตามที่นายกฯในฐานะ ผอ.ศบค.เห็นชอบตามข้อเสนอของคณะ กรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายมาตรการฯในเงื่อนไขที่ ศบค.กำหนด
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ ลงนามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ให้สถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ ปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ โดยมีเนื้อหาระบุว่า เนื่องจากการแพร่ระบาดรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในหลายพื้นที่ในประเทศไทย กระทรวงศึกษาธิการตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตของนักเรียน นักศึกษา ที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดดังกล่าว อีกทั้งเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง และลดโอกาสการแพร่ระบาดใหม่ของโรค COVID-19 จึงให้สถานศึกษาทุกแห่งทั้งของรัฐและเอกชน ทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งอยู่ในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) กำหนดใน 28 จังหวัด ได้แก่
1. กรุงเทพฯ
2. ตาก
3. นนทบุรี
4. ปทุมธานี
5. พระนครศรีอยุธยา
6. สระบุรี
7. ลพบุรี
8. สิงห์บุรี
9. อ่างทอง
10. นครนายก
11. กาญจนบุรี
12. นครปฐม
13. ราชบุรี
14. สุพรรณบุรี
15. ประจวบคีรีขันธ์
16. เพชรบุรี
17. สมุทรสงคราม
18. สมุทรสาคร
19. ฉะเชิงเทรา
20. ปราจีนบุรี
21. สระแก้ว
22. สมุทรปราการ
23. จันทบุรี
24. ชลบุรี
25. ตราด
26. ระยอง
27. ชุมพร
28. ระนอง
ปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 4 ม.ค. ถึงวันอาทิตย์ที่ 31 ม.ค. 2564 หรือจนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลง กรณี ศบค. ประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดเพิ่มเติม ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจสั่งการให้สถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษเพิ่มเติม
ขอบคุณ ไทยรัฐ