ประกาศเข้าสู่เฟส5 เริ่มแล้วนะครับตอนนี้ แต่หลายๆคนแพลนจะไปเที่ยวต่างประเทศตอนนี้ก็อาจจะยังไม่เหมาะ วันนี้นักเดินทางผู้ไร้ขาจะพาไปดูสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขนานนามว่าสวยมากเทียบเท่ามัลดีฟส์เลยทีเดียว พร้อมกับวิธีการเดินทางไปชมกันเลยครับ
เกาะกูด จังหวัดตราด
เกาะท่องเที่ยวทะเลไทยฝั่งตะวันออกยอดนิยม เกาะกูดมีหาดสวยๆ อยู่รอบเกาะ โดยเฉพาะที่อ่าวกล้วยที่มีหาดทรายขาวยาวกว่า 300 เมตร มีจุดชมวิวอาทิตย์ตกที่โรแมนติกมากๆ ใครที่ที่ชอบดำน้ำก็สามารถไปกันได้ที่บริเวณอ่าวยายเกิดและเกาะไม้ซี้ น้ำทะเลที่นี่ก็สามารถลงเล่นได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวคลื่นซัดไปนอกชายฝั่ง มีน้ำตกสวยงามในตัวเกาะและที่เที่ยวอีกหลายแห่งได้อีกด้วย มีที่พักแนวกระท่อมกลางน้ำสไตล์ทะเลมัลดีฟส์ไทยหลายแห่ง ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวเกาะกูดนั้นสามารถเที่ยวได้ทั้งปี แต่ฤดูที่อากาศดีสุดและเป็นช่วงไฮซีซั่นจะอยู่ที่ระหว่างเดือนตุลาคม–เดือนพฤษภาคมน้ำจะใส อากาศจะดีมากๆเลยล่ะครับ
การเดินทาง
โดยสามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่จังหวัดตราดและต่อเรือที่ให้บริการต่างๆ ดังนี้ท่าเรือสปีดโบ๊ทและเรือเร็ว ใช้เวลาราว 45 นาที – 1.30 ชั่วโมง ได้แก่ ท่าแหลมศอกและท่าเรือด่านเก่า ท่าเรือธรรมดา ใช้เวลาราว 2-3 ชั่วโมง ได้แก่ ท่าเรือแหลมงอบ ท่าเรือโชคสาธรสำหรับคนที่ขับรถมาให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (บางนา–ตราด) และตรงไปลงเรือที่ท่าเรือดังที่กล่าวไปข้างต้น
ที่พัก
เกาะกูดมีให้เลือกมากมายหลายราคา และในระยะหลังมีที่พักแนวกระท่อมกลางน้ำแบบมัลดีฟส์ด้วย ที่พักแบบ 4 ดาวเริ่มต้นที่ 4,000+บาท/คืน/คน สำหรับที่เที่ยวพักแบบไม่ติดหาด เริ่มต้นที่ราว 2,000+บาท/คืน/คน
เกาะพยาม จังหวัดระนอง
“เกาะพยาม ระนอง มัลดีฟส์เมืองไทย” ที่เกาะนี้มีน้ำทะเลสีสวยใสราวกระจก ชายหาดขาวกว้างนุ่มเท้าน่านอนเล่นสุดๆ เกาะนี้ให้ความสงบเป็นส่วนตัวมาก และยังเป็นที่เที่ยวทางทะเลแห่งแรกๆ ในไทยเลยก็ว่าได้ที่มีการจัดทำกระท่อมที่พักกลางน้ำสไตล์มัลดีฟส์ขึ้นมา จุดชมวิวบริเวณนีสวยงามมาก มีทิวแถวไร่มะม่วงหิมพานต์และสวนยางพาราของชาวบ้านในตัวเกาะก็ยังมีส่วนของคลองในเกาะที่ไหลไปสู่ทะเลอันดามันอีกด้วย
การเดินทาง
เดือนที่น่าไปเที่ยวมากที่สุด คือ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน–เดือนพฤษภาคม โดยสามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่ระนองและต่อรถไปยังท่าเรือเทศบาลตำบลปากน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเพียงแค่15 นาทีเท่านั้น เรือที่ให้บริการข้ามไปเกาะพยามมี 2 ประเภท คือ เรือข้ามเกาะธรรมดา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง เรือเร็วสปีดโบ๊ท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที สำหรับคุณที่เลือกจะขับรถไปยังระนองและต่อเรือขึ้นเกาะ สามารถใช้เส้นทางสายธนบุรี–ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) และแยกเข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ที่อำเภอปากท่อ และตรงดิ่งไปยังจังหวัดระนอง และเดินทางไปท่าเรือที่อยู่ใกล้กับสถานีตำรวจปากน้ำ บริเวณท่าเรือมีบริการรับฝากรถด้วย
ที่พัก
ที่พักบนเกาะพยามนับว่ามีราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับที่เที่ยวทางทะเลดังอื่นๆ ในเมืองไทย แถมในปัจจุบันนี้ก็ยังมีตัวเลือกหลายแห่ง ไม่ว่าจะอยากพักบนหาดติดทะเล พักติดตัวคลอง หรือพักบนกระท่อมกลางน้ำ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบท่องเที่ยวของคุณ ที่พักเกาะพยามแบบ 3 ดาว เริ่มต้นที่ราว 2,300+บาท/คืน/คน เท่านั้น ส่วนบังกะโลแบบเบสิคแต่รีวิวดีงาม เริ่มต้นที่แค่ 1,200บาท/คืน/คน
เกาะเต่า–เกาะนางยวน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เกาะสวยที่โด่งดังที่สุดคือเรื่อง “ทะเลแหวก ทรายขาว น้ำทะเลใส” เป็นเส้นทางทริปเที่ยวเกาะคู่ที่คุ้มสุดๆครับใครที่ขี้เบื่อที่นี่น่าจะตอบโจทย์ นอกจากทะเลแหวกแล้ว ที่นี่ยังมีแนวปะการังใต้น้ำยาวกว่า 8 ก.ม.เลยทีเดียว มีจุดดำน้ำสวยๆ หลายแห่งเป็นแหล่งชมปลาทะเลสวยงามของไทย ทะเลแถบนี้สามารถเที่ยวได้เรื่อยๆ ตลอดปี ที่สำคัญการเดินทางไปเที่ยว–ไปพักก็สะดวกสบายมาก สามารถลงเรือไปยังเกาะเต่า–นางยวนได้จากท่าเรือหลายแห่ง
การเดินทาง
สามารถนั่งเครื่องบินไปลงที่ชุมพรหรือสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) และไปต่อเรือยังท่าเรือที่ให้บริการต่างๆ หลายแห่ง ท่าเรือเด่นๆ เช่น จากชุมพรไปขึ้นเกาะนั้น สามารถไปลงเรือที่ท่าเรือเร็วลมพระยา และนั่งเรือไปเกาะเต่าราว 1.45 ชั่วโมง หรือไปลงเรือที่ท่าเรือท่ายางที่มีบริการของเรือนอน (เดินทาง 6 ชั่วโมง) และเรือด่วน (เดินทาง 2 ชั่วโมง) จากสุราษฎร์ธานีไปขึ้นเกาะเต่า สามารถไปขึ้นเรือที่ท่าเรือซีทราน (เกาะสมุย) ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง สำหรับการขับรถมาเที่ยวสามารถใช้ถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าสู่ชุมพรเพื่อไปยังท่าเรือ หรือถ้าจะลงเรือจากสุราษฎร์ธานีจะต้องขับจากชุมพร–สุราษฎร์ธานีด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอ.ไชยา สู่สุราษฎร์ธานีและไปยังท่าเรือที่ต้องการ
ที่พัก
เกาะเต่ามีให้เลือกเยอะมาก หลายราคา หลายระดับ และที่พักที่ระดับ 3 ดาวเริ่มต้นที่ 1,600+บาท/คืน/คนเท่านั้น ส่วนที่พักราคาสูงขึ้นมาอีกเท่าแต่รีวิว 8/10 ราคาเริ่มต้นที่ราว 3,000 บาท/คืน/คน
เกาะรอก จังหวัดกระบี่
ถ้าใครที่ชอบความสวยงามแบบธรรมชาติของท้องทะเลล่ะก็ “เกาะรอก” เป็นเกาะสงบ มีธรรมชาติสวย และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ตั้งอยู่ตรงจุดเชื่อมต่อระหว่างทะเลตรังและทะเลกระบี่ บนเกาะรอกมีส่วนของสันทรายเชื่อมต่อเกาะรอกในและรอกนอก นอกจากนั้นแล้วคนที่ชอบดำน้ำคงถูกอกถูกใจน่าดู เพราะเกาะรอกมีแนวปะการังและหมู่ดอกไม้ทะเลรายล้อมอยู่รอบเกาะ แถมหาดทรายขาวสุดชายหาด ขาวสบายตา นุ่มนิ่มเท้ามากๆ ช่วงเวลาน่าไปคือคือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน–เดือนเมษายน ทะเลจะสวยอากาศจะดีสุดๆ
การเดินทาง
วิธีที่สะดวกและไวที่สุด คือ นั่งเครื่องบินมาลงที่จังหวัดตรังและไปลงเรือที่ท่าเรือปากเมงไปเกาะรอก ใช้เวลานั่งเรือราว 1 ชั่วโมง หรือขับรถมายังจังหวัดกระบี่ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ–สุราษฎร์ธานีและเข้าทางหลวงหมายเลข 41 สู่ อ.ทุ่งสงและแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 403 สู่ห้วยยอดและตัดเข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) สู่ตรังและไปท่าเรือปากเมงโดยเส้นทางตรัง–สิเกา–ปากเมง (ทางหลวงหมายเลข4046-4162) สำหรับการนั่งเครื่องบินมาลงที่กระบี่และต่อรถไปลงที่ท่าเรือกระบี่–ลันตา นั่งเรือประมาณ 30 นาที และสำหรับเรือจากเกาะลันตาไปเกาะรอกก็ประมาณ 30-40 นาที หากคุณคิดจะขับรถมาเอง สามารถมาได้โดยทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ตรงเข้าชุมพรและแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอ.หลังสวนและอ.ไชยาไปจนถึงสี่แยกอ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข401 และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 ที่สามแยกบ้านพังกวนเหนือไปยังจ.กระบี่ หลังจากนั้นก็ขับตามถนนเรื่อยมาจนถึงหลักก.ม.ที่ 64 เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4206 สู่ท่าเรือไปเกาะลันตา สามารถนำรถขึ้นแพข้ามไปเกาะลันตาได้ ที่พักบนเกาะรอกนั้นเป็นบ้านพักของกองอุทยานแห่งชาติหรือต้องกางเต็นท์พักแรม
ที่พัก
โรงแรมที่พักที่ใกล้ที่สุด คือ บนเกาะลันตา ซึ่งอยู่ห่างไปเพียงแค่ 30 กิโลเมตรและมีเรือบริการรับ–ส่งทุกวัน โรงแรมที่พักมีให้เลือกหลายระดับ ตั้งแต่เกสต์เฮ้าส์ไปจนถึงรีสอร์ท 5 ดาว ราคาที่พักแบบ 3 ดาวเริ่มต้นที่ราว 2,000+บาท/คืน/คน สำหรับคนที่คิดจะพักที่ใกล้ท่าเรือปากเมง ห้องพักใกล้หาดและท่าเรือแบบ 2 ดาวเริ่มต้นที่ 1,400+บาท/คืน/คน
หลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
คงไม่มีใครไม่รู้จักเกาะสวยชื่อดังแห่งทะเลใต้ “หลีเป๊ะ” ตอบโจทย์คนที่ชอบไปทะเลสุดๆไม่ว่าจะเป็น ชายหาดสวย ทรายขาว น้ำทะเลใสเห็นปลาแหวกว่ายริมหาด จุดดำน้ำชมปะการังทั้งน้ำลึกและน้ำตื้นหลายจุด ที่เที่ยวเกาะเล็กเกาะน้อยที่อยู่ไม่ไกลกัน มีถนนคนเดินที่มีของขึ้นชื่อ “โรตีหลีเป๊ะ” บนตัวเกาะก็ยังมีส่วนของหมู่บ้านชาวเล มีจุดวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยๆหลายแห่ง มีจุดชมวิวมุมสูงเพื่อชมโพ้นทะเลไกลบนเนินเขาเห็นวิวไปไกลได้ถึงเกาะอาดังเลย เดือนที่อากาศดีคือ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน–เดือนพฤษภาคม เพราะปลอดลมมรสุมเหมาะแก่การเที่ยวหลีเป๊ะที่สุดครับ
การเดินทาง
วิธีที่สะดวกที่สุด คือ นั่งเครื่องบินมาลงที่หาดใหญ่และต่อรถตู้หรือรถประจำทางไปที่ท่าเรือปากบาราเพื่อลงเรือไปยังหลีเป๊ะ ระยะเวลานั่งรถไปยังท่าเรือปากปาราราว 2 ชั่วโมง เรือที่ให้บริการมี 2 ประเภท คือ เรือเร็วสปีดโบ๊ท ใช้เวลาเดินทางราว 1.30 ชั่วโมง เรือเฟอร์รี่ข้ามเกาะทั่วไป ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง สำหรับการขับรถมาเองนั้น จะต้องใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) จากกรุงเทพฯ ถึงชุมพรและเปลี่ยนมาใช้ทางหลวงหมายเลข 41 สู่นครศรีธรรมราชและพัทลุงไปจนถึงอ.รัตภูมิ จ.สงขลาเพื่อกลับสู่ทางหลวงหมายเลข 4 อีกครั้งที่จะแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 406 เข้าจ.สตูล จากนั้นให้วิ่งตามเส้นทางฉลุง–ละงูเพื่อไปยังท่าเรือปากบารา มีบริการที่จอดรถบริเวณท่าเรือ
ที่พัก
ที่เที่ยวหลีเป๊ะมีหลายราคาและเริ่มต้นที่ 2,000+บาท/คืน/คน ส่วนราคาที่พักระดับกลางกึ่งสูง3 ดาวขึ้นไปและมีรีวิวดีๆ เริ่มต้นที่ราว 4,300+บาท/คืน/คน
มีที่ไหนสวยถูกใจสายท่องเที่ยวพักผ่อนกันบ้างมั้ยครับ ยิ่งสายเซลฟี่ ชอบถ่ายรูปละก็ฟินแน่นอน หวังว่าจะเป็นตัวช่วยให้เพื่อนๆตัดสินใจได้นะครับว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี ระหว่างนี้เที่ยวเมืองไทยสถานที่ท่องเที่ยวก็สวยงามไม่แพ้ต่างประเทศเลยล่ะครับ ครั้งหน้านักเดินทางผู้ไรขาจะพาไปเที่ยวที่ไหนอีกอย่าลืมติดตามนะครับ