เป็นประเด็นยืดเยื้อกันมานานหลายเดือน สำหรับกรณีตกลงเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดู น้องแม็กซ์เวลล์ ลูกชายของนักร้องนักแสดงหนุ่ม ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล และนางแบบ-นักแสดงสาว ซาร่า คาซิงกินี ล่าสุดได้มีการตกลงไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ลงตัวแล้วเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ณ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถ.กำแพงเพชร โดยมีการตกลงว่าไมค์จะจ่ายเงินค่าเรียนคนละครึ่งกับซาร่าจนถึงชั้น ป.6 หลังจากนั้นจะจ่ายให้เต็มจนถึงระดับมหาวิทยาลัย และมีสิทธิ์ในการเจอลูกอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง พร้อมทั้งเซ็นรับรองบุตรภายใน 30 วัน
บทสรุปของวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
ทนายกิ่ง “ตอนนี้ตกลงกันได้เรียบร้อยดีค่ะ โอเค”
เป็นไปตามที่เราคาดหวังไหม?
ทนายกิ่ง “มันไม่เชิงว่าฝั่งนี้มีอะไรคาดหวังหรอกค่ะ ก็ตกลงกันไปตามประเด็นแต่ละประเด็นไปค่ะ ก็ถือว่าตอนนี้ก็แบ่งหน้าที่การรับผิดชอบชัดเจนมากกว่า ตอนนี้ทุกคนก็รู้หน้าที่และรู้สิทธิของกันและกันมากกว่า”
ข้อตกลงเป็นอย่างไรบ้าง?
ทนายประมาณ “ข้อตกลงเรื่องของผู้เยาว์มันเป็นเรื่องของการใช้อำนาจปกครองกับบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย อันนี้เรื่องลูกก่อนนะ ฝั่งซาร่าตกลงให้ไมค์เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย และเราขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร และเขาก็ยอมให้ซาร่าเป็นผู้ใช้อำนาจปกตรองบุตรแต่เพียงผู้เดียว การใช้อำนาจปกตรองบุตรก็คือ กำหนดถิ่นที่อยู่ กำหนดสถานที่ศึกษา และจิปาถะเกี่ยวกับชีวิตของลูก และสามารถที่จะเป็นตัวแทนของลูกได้โดยลำพัง
เรื่องต่อไปคือเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดู กับเรื่องค่าเทอม ค่าเทอมเทอมที่ผ่านมาทั้งหมดที่ครอบครัวของซาร่าเขาจ่ายไปทั้งหมดเจ็ดแสนกว่า อันนี้ต้องยกไป เพราะถือว่าครอบครัวซาร่าจ่ายไปแล้วก็ยกไป ค่าเทอมที่จะเกิดขึ้นต่อไปในวันข้างหน้าคนละครึ่ง จนถึง ป.6 หลังจากที่น้องแม็กซ์โตแล้ว เริ่มมีวิธีคิดและขึ้น ม.1 แล้ว ก็ให้น้องแม็กซ์กับไมค์ปรึกษาหารือกันว่าจะเข้าเรียน ม.1 ที่ไหน จนจบปริญญาตรี อันนี้ไมค์รับผิดชอบค่าเรียนให้ตกลงกับลูก โดยให้ลูกมีส่วนกำหนด
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร เมื่อเช้าที่เราพูดถึงกัน คือค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ไมค์ก็ตกลงว่าให้ซาร่าดูแลหมดทุกอย่าง รับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งหมดเป็นของซาร่า โดยไมค์ไม่จ่ายด้วย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องจ่าย และให้ไมค์รับผิดชอบเรื่องการเจ็บป่วยของลูก ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันต่างๆ และทั้งคู่จะต้องไปดำเนินการจดทะเบียนรับรองบุตรให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับจากวันนี้”
ไมค์มีสิทธิ์ในการเจอลูกอย่างไรบ้าง?
ทนายประมาณ “การเจอลูก ก็ลูกอยู่ในอำนาจการปกครองของแม่ก็ต้องอนุญาตให้พ่อเยี่ยมเยียนตามสมควรนะครับ ไมค์ก็เลยขอว่าอย่างนั้นขอเป็นเดือนละ 2 ครั้ง ก็ไม่มีปัญหา แต่ด้วยความยินยอมของลูกด้วยนะ เวลาจะเยี่ยมเยียนลูกก็ต้องโดยความยินยอมของลูกก็ต้องตกลงกัน ตอนแรกไมค์บอกว่าไม่ต้องให้ลูกยินยอม ก็ว่า เฮ้ย..หนู พ่อมาเยี่ยมลูก ลูกไม่ยินยอมจะได้ไหมเนี่ย มันก็ต้องพ่อลูกสมัครใจยินยอมด้วยกัน”
ตอนนี้น้องแม็กซ์เวลล์อยู่ภูเก็ต เวลาไปเจอลูกต้องไปภูเก็ต?
ทนายประมาณ “ก็ควรจะไปภูเก็ต ไม่ควรจะบอกให้น้องขึ้นเครื่องบินมากรุงเทพฯ และแจ้งล่วงหน้าด้วยจะได้จัดเตรียม ไม่ใช่มาถึงแล้วไปรับเลย ต้องแจ้งล่วงหน้า 5 วัน”
ส่วนของซาร่าพอใจมากน้อยแค่ไหน?
ซาร่า “คือจริงๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องของลูกค่ะ มันก็ไม่ได้สรุปว่าใครแพ้หรือใครชนะ มันอยู่ที่ว่าเราทั้งสองคนพร้อมที่จะรับผิดชอบลูก พร้อมที่จะดูแลลูกให้ความรักกับลูกเท่าไหนกันแค่นั้นมากกว่า”
วันนี้ท่าทีเหมือนจะจบตั้งแต่ช่วงเช้า ทำไมถึงมาต่อช่วงบ่าย?
ทนายกิ่ง “ช่วงบ่ายตกลงเป็นเหมือนภาพรวมใหญ่ แต่พอในรายละเอียดมันติดกันอยู่หลายจุดเหมือนกันค่ะ เหมือนตอนเช้าตกลงมาว่าเขารับผิดชอบค่าเรียนของลูกครึ่งนึงจนจบ ค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นของเรา ทางฝั่งเราก็ เฮ้ย มันโอเคหรือเปล่าเรารับผิดชอบดูแลลูกทั้งหมด เราก็เลยไม่ค่อยโอเค เลยขอกลับมาคุยช่วงบ่ายเพื่อคุยรายละเอียดเพิ่มเติมมากกว่า”
ทนายประมาณ “ความเห็นผมผมคิดว่าบิดามารดาค่าเล่าเรียนค่าการศึกษาค่าอุปการะเลี้ยงดูลูกต้องคนละครึ่ง แล้วจะให้ผมมาสละสิทธิ์แทนแม็กซ์ ผมก็ทำไม่ได้ว่าไม่เอา ไม่ติดใจพ่อแม่ ไม่ได้ พ่อแม่จะแบ่งหน้าที่กันก็ทำไป ไม่มีปัญหา แต่โดยหลักการเรื่องค่าเลี้ยงดูกับค่าเล่าเรียนมันต้องคนละครึ่ง ทีนี้พอมายกให้ฝั่งนี้ทั้งหมด เราเลยต้องใช้เวลาพิจารณาหน่อย”
สุดท้ายลงตัวแล้วเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม พอใจไหม?
ซาร่า “มันก็เครียดอยู่แหละค่ะ เพราะว่ามันก็กลายเป็นว่าเรื่องตรงนี้เป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์แล้วกระทบถึงลูก เราก็ไม่ได้แฮปปี้ตั้งแต่เรื่องมันเกิดขึ้นแต่แรก”
แต่วันนี้มันจบสิ้นแล้ว?
ซาร่า “ก็ดีที่ว่ามันจบลงด้วยดีค่ะ”
ตัวเราก็พร้อมที่จะรับผิดชอบเรื่องค่าเลี้ยงดู?
ซาร่า “ทุกอย่างมันมีลายลักษณ์อักษรแล้วค่ะ มันเป็นไปตามนั้นค่ะ”
ทนายประมาณ “อย่าบอกว่าซาร่าคนเดียวเลยครับ ครอบครัวซาร่า พ่อแม่ซาร่าก็ช่วยกันครับ ถ้าไม่มีพ่อแม่ซาร่า ลำพังซาร่าคนเดียวคงหนักไปหน่อย”
หลังจากนี้ไมค์ต้องการมาพบน้องแม็กซ์เวลล์ต้องแจ้งกับทางซาร่าหรือทางทนาย?
ทนายประมาณ “แจ้งกับทางซาร่าโดยตรงเลยครับ”
ซาร่า “มันเป็นเรื่องที่พ่อแม่คุยกันเองค่ะ เพราะว่าในตอนนี้คดีของในศาลพอวันนี้มันจบแล้วมันก็จบ ไม่ได้ต้องผ่านทนายเพราะทนายก็มีหน้าที่ทำในเรื่องของคดี หลังจากนี้การใช้ชีวิตมูฟออนต่อไปมันเป็นเรื่องของพ่อแม่ที่จะต้องคุยกันแล้ว”
บรรยากาศมันดีขึ้นใช่ไหม?
ซาร่า “มันไม่เหมือนกันเดิมอีกแล้วค่ะ ไมค์กับซาร่าไม่มีทางที่จะเป็นเหมือนเดิม เพราะว่าเราก็มีปัญหากันมาตั้งนานแล้ว เราก็หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้น แต่ ณ วันนี้มันก็ไม่ได้เหมือนเดิม”
หลังจากนี้ไปถ้าไมค์จะพาแม็กซ์เวลล์ไปถ่ายโฆษณา หรืองานบันเทิงทางเราโอเคไหม?
ซาร่า “ทางเราไม่เคยติดเรื่องนี้ คือไม่อยากให้ทุกคนไปยึดติดถึงเรื่องเก่าเพราะเป็นเรื่องที่ทนายเขาจะต้องร่างขึ้นมาเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก มันไม่ได้เกี่ยวกับเราเพราะฉะนั้น ณ วันนี้ไม่ว่าจะเป็น 6 ข้อเรียกร้อง 4 ข้อเรียกร้อง หรือ 2,500 คือทุกอย่างมันเป็นการเจรจาไกล่เกลี่ย มันปรับเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลา มันไม่ใช่ข้อสรุป มันไม่ได้พูดว่าฉันจะเอาแบบนั้นฉันจะเอาแบบนี้แล้วมันจะได้ คือมันจะต้องมาคุยกันให้ลงตัวว่าสิงคนนี้โอเคไหมกับเรื่องของลูก เรามองว่าเรื่องของลูกวันนี้พ่อจะแบบนี้แม่จะแบบนี้สุดท้ายผลประโยชน์มันไปอยู่ที่ลูก อยู่ที่ว่าทั้งสองฝ่ายพอใจหรือเปล่าที่ลูกจะมีชีวิตแบบนี้กินอยู่แบบนี้เรียนแบบนี้”
ในสิทธิ์ปกครองของซาร่า ไมค์มีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นในการเลี้ยงลูกไหม?
ซาร่า “ที่ผ่านมาเขาก็มีอยู่แล้ว เพราะว่าลูกเราเป็นผู้ชาย เราต้องยอมรับว่าเราเป็นผู้หญิงเราแฮปปี้อยู่แล้วที่จะถามไถ่เขาในมุมของความเป็นผู้ชาย บางเรื่องเราไม่รู้ เราก็ถามเขามาตลอด ซึ่งตรงนี้มันก็คงเป็นอย่างงี้ไปตลอด”
ในอนาคตซาร่ามองว่ามันจะวนกลับมาที่เดิมไหม?
ซาร่า “ตอนนี้การกีดกันมันไม่เคยเกิดขึ้น ซาร่าพูดหลายครั้งแล้ว แล้วทางฝั่งนู้นมันมีการกีดกันซึ่งไหนคือหลักฐาน ซาร่าขอหลักฐานการกีดกัน มันเป็นไปไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลยูทูบของคุณลุง ญาติทางฝั่งคุณพ่อ ไอจี คือคุณก็มีรูป มีการเจอวันเกิด คือมันเจอกันตลอด เพราะฉะนั้นอะไรคือการกีดกัน ทุกวันนี้ซาร่าก็ยังถามเขาอยู่ว่าอะไรคือกีดกัน ถ้าจะบอกเป็นว่าโควิดไม่ได้เจอลูก หรือตอนที่ซาร่าท้องอยู่คือโควิดประเทศปิด จังหวัดมันปิด เราเจอลูกไม่ได้แล้วคือกีดกัน มันเป็นสถานการณ์ของบ้านเมือง คือไม่ใช่ความผิดเรา
เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องที่เขาน่าจะเห็นอกเห็นใจเข้าใจกันเรา ณ โมเมนต์ที่เราท้องอยู่ด้วย ซึ่งเขาก็รู้เราไม่ได้สะดวกขนาดนั้น มันเป็นเรื่องระยะเวลาที่มันสั้นมากไม่กี่เดือนจะบอกว่ากีดกันมันไม่ใช่ มันไม่ใช่ว่าเขาขอเจอลูกแล้วบอกว่าไม่ได้นะ คุณห้ามเจอมันไม่ใช่แบบนั้น เราแค่บอกว่า มันไม่ว่าง เรามีปัญหาส่วนตัว คือเราท้องอยู่ หรือเพราะติดโควิด สนามบินปิดจะไปยังไงคือมันแค่นี้ เพราะฉะนั้นการกีดกันมันไม่เคยเกิดขึ้น และเราก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น
เพราะว่าแม็กซ์เวลล์กับไมค์ แม็กซ์เขารู้อยู่แล้วว่าใครคือพ่อของเขา เขาโตมากับการที่เขารู้ว่านี่คือพ่อของเขา แล้ววันนึงเราเป็นแม่ เราจะไปทำร้ายความรู้สึกลูกโดยการที่ลูกไม่ต้องไปเจอพ่อทำไม พ่อเขาทำอะไรผิด เขาไม่ได้ทำอะไรผิด การที่พ่อและแม่ทะเลาะกันมันไม่ได้เป็นเรื่องที่เราจะต้องไปใส่ลูก พ่อกับแม่ทะเลาะกันก็เรื่องของพ่อแม่ แต่ลูกเราไม่ได้ไปทะเลาะกับพ่อ เราจะไปห้ามไม่ให้เขาเจอกันเพื่ออะไร มันดีอยู่แล้วที่พ่อลูกรักกัน มันเป็นสิ่งที่เป็นลูกของเราทั้งคู่ค่ะ มันไม่ใช่ลูกของใครที่จะต้องมาตั้งแง่ว่ากีดกันห้ามเจอ มันดีด้วยซ้ำที่เขาเจอกันบ่อยๆ”
หลังจากนี้ที่ไมค์จะได้เจอต่อเดือนกี่ครั้ง?
ซาร่า “เอาจริงๆ ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเรื่อง ลูกปิดเทอมเราก็บอกเขาตลอด พอเขาไม่ว่างก็คือไม่ว่างก็แค่นั้น ทุกอย่างก็อยู่ที่ว่า ทั้งสองคนว่างตรงกันไหมแค่นั้นเอง แต่ก็โอเคมันมีลายลักษณ์อักษรที่มันระบุมาชัดเจนเพื่อที่จะกันปัญหานี้เกิดขึ้นว่าอย่างน้อยเดือนนึงสัก 2 ครั้ง เราก็ถือว่าโอเค เขาจะได้สบายใจด้วย”
อธิบายลูกยังไง?
ซาร่า “จริงๆ ก็ต้องพูดไปตามความจริง อีกอย่างหนึ่งซาร่ามองว่าสื่อต่างๆ ข่าวบางทีแค่พาดหัวข่าว หรือบางทีก็อยากให้พี่ๆ เบาๆ เรื่องพาดหัวข่าวนะ เพราะบางทีเนื้อเรื่องมันไม่ขนาดนั้น บางทีอ่านแค่พาดหัวข่าวก็ตัดสินไปแล้ว เราก็มองว่าแม็กซ์เวลล์เขาโตมากับเรา เขาอยู่ในสถานการณ์จริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ลูกก็คงโตมากับการที่แม่ทำไมข่าวมันเป็นแบบนี้
ทั้งๆ ที่ ณ ปัจจุบันที่เราอยู่กันแบบนี้ มันไม่ใช่แบบที่ข่าวเขียน เพราะฉะนั้นซาร่าลูกคงไม่ตัดสินเรื่องตรงนี้ตามที่ข่าวเป็น เหมือนกับเราอยู่บ้าน มีคนมาเขียนข่าวว่าเราเป็นแบบนี้ ครอบครัวเราเป็นแบบนี้ แต่ในบ้านไม่ได้เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเชื่อในสิ่งที่เราเจอและเห็น ซาร่าก็เลยเชื่อว่าลูกจะต้องมีเกราะป้องกันบางอย่างที่เขารู้อยู่แล้วว่านี่แม่เขา นี่พ่อเขา ครอบครัวเราเป็นแบบนี้ ข่าวก็คือมายาค่ะ”
เชื่อว่าแม็กซ์เวลล์มีภูมิคุ้มกัน ในอนาคตถ้าลูกถามมีคำตอบไหม?
ซาร่า “ในมุมมองในฐานะความรักเราไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ในมุมความเป็นแม่ (เสียงสั่น) ซาร่าเชื่อว่าล้านเปอร์เซ็นต์ ซาร่าไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ข่าวเขียน ซาร่าไม่ได้เป็นแม่ที่เอาลูกเป็นตัวประกัน รีดไถ หรือตั้งแง่ หรือกีดกัน คือล้านเปอร์เซ็นต์ซาร่าไม่ใช่แม่แบบนั้น ซาร่าเชื่อว่าแม็กซ์เวลล์ก็รู้ว่าซาร่ารักเขามาก ซาร่าก็อยากให้เขารักพ่อเขามากเหมือนอย่างที่เขารักซาร่า เพราะฉะนั้นซาร่าเชื่อมั่นตรงนี้ว่าแม็กซ์เวลล์จะต้องรู้ว่าที่ซาร่าทำในวันนี้ทุกอย่างเพื่อเขาจริงๆ”
ความรู้สึกเหมือนอัดอั้นมานาน?
ซาร่า “มันก็เหนื่อยแหละ เหตุการณ์ตอนที่เราท้องด้วย ภาวะคนท้อง คลอดลูกได้แป๊บเดียวก็มีข่าวต่างๆ นานามากมาย มันก็หลายอย่าง ลูกเล็กก็ต้องเลี้ยง ลูกคนโตก็มีปัญหากับพ่อของเขา มันเหมือนเราก็หนักเนอะผู้หญิง แล้วหลังจากนี้ภาระที่เราจะต้องแบกค่าใช้จ่าย มันก็ค่อนข้างหนักหนาสำหรับเรา ด้วยข่าวที่มันออกไปก็มีผลกระทบกับงาน กับหน้าที่การงาน
ซาร่าก็มองว่าหลังจากนี้ สิ่งที่ซาร่าจะต้องรับผิดชอบมันค่อนข้างเยอะ แต่ก็มองว่าเออ เราจะต้องขยัน อดทน เหมือนเราต้องมีเวลามากกว่านี้ ทั้งที่เราต้องอุปการะดูแลลูกของเรา ทั้งที่ต้องเลี้ยงดูเขาต่างๆ นานา มันค่อนข้างที่รู้สึกว่าหนักเหมือนกันค่ะ ก็อยากจะขอโอกาสขอให้ทุกคนเปิดใจ เข้าใจซาร่ามากกว่านี้
ณ โมเมนต์นี้เราต้องรับผิดชอบลูกมันก็เยอะ แล้วจะบอกว่าคนละครึ่ง มันก็จะไม่ใช่คนละครึ่งขนาดนั้น อุปการะก็เราทั้งหมดเลย แล้วค่าเทอมอย่างที่บอกคนละครึ่ง ซึ่งมันยังหนักสำหรับเราที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกด้วย เราไม่ได้มีเวลาทำงานร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนกับทางฝั่งคุณพ่อ เพราะฉะนั้นศักยภาพในการหาเงินก็ต้องน้อยกว่าอยู่แล้ว ซึ่งเราก็รู้สึกว่ามันก็หนักอย่างนี้ค่ะ (ร้องไห้)”
ก่อนหน้านี้ที่เราพูดเรื่องคุณภาพชีวิตลูก ภาระค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อาจจะต้องยอมลดจากเป้าที่ตั้งไว้ไหม?
ซาร่า “คือจริงๆ มันไม่เกี่ยวกับตัวจำนวนเงินว่าแพงแล้วดี ซาร่าก็มองว่าเลือกแต่ละอย่างเพราะรู้ว่าลูกสนใจอะไร เขาอยากอะไรแบบไหน ไม่ใข่เขาอยากเรียนดนตรี เราไปเอาวิชาการมาอัด เราก็ดูความเหมาะสมเขาด้วย เราก็ต้องยอมรับว่าโรงเรียนสมัยนี้ก็ค่อนข้างราคาสูงเท่านั้นเอง เราไม่ได้ตั้งเป้าว่าโอ๊ย ลูกฉันเรียน 7 แสน ต้องไปหาโรงเรียนที่ต้อง 7 แสนตลอด มันลดหย่อนกันได้ เพราะตะกี้เราคุยกับคุณพ่อเขาว่าพอเรียนถึงป.6 แล้วอยากจะไปเรียนอย่างบดินทรเดชา หรืออยากจะไปเรียนหมอก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนในอนาคต เราก็แจ้งบอกพ่อเขา ไม่ใช่ว่าสูงแล้วมันต้องดี อยู่ที่ว่าอันไหนที่มันเหมาะสมกับลูกเรา สิ่งที่ลูกเรารักที่ลูกเราอยากจะเป็นมากกว่า”
แต่นับจากวันนี้เหตุการณ์แบบนี้ มันจะไม่มูฟกลับมาอีก มองว่าวันนี้จบแล้วแหละ?
ซาร่า “ซาร่ามองว่า ซาร่ามีความอดทนค่อนข้างสูง คือถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรก ซาร่าเลือกที่จะเป็นคนฟ้องร้องเขาก่อนก็ได้ แต่ซาร่าไม่เคยทำ ซาร่าไม่เอาศาลมาเป็นเรื่องให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นว่าเรื่องครอบครัวมาถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม อะไรที่ซาร่าอดทนได้ ซาร่าก็อดทนก็ยอม
เพราะฉะนั้นการที่ซาร่าจะไปหาเรื่องหรือไปทะเลาะกับใครก่อนมันไม่ใช่วิสัยของซาร่าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าซาร่าไม่ได้ถูกกระทำ หรือไม่ได้เกิดอะไรขึ้น มันก็คงไม่เกิดอะไรขึ้น ซาร่ามองว่าที่ผ่านมา 6 ปี ซาร่ากับลูกเนี่ยไปทำให้เขาจมดิน แบบไม่มีที่ยืนในสังคม หลังจากวันนี้ซาร่าขอให้มันเลิกแล้วต่อกัน ขอว่าซาร่าได้ชดใช้เวรกรรมทั้งหมดแล้วกัน หลังจากนี้ก็ขอให้เลิกแล้วต่อกันค่ะ”
หลังจากนี้ก็จะอยู่ภูเก็ตยาวเลยใช่ไหม?
ซาร่า “ณ ตอนนี้นะคะ จากที่คุยเมื่อกี้เขาก็โอเคที่จะให้ลูกอยู่ที่นั่นค่ะ”.
ขอบคุณ ไทยรัฐ