ช่วงนี้ฝนตกบ่อย แถมเจอน้ำท่วมอีก เพื่อนๆ ที่ขับขี่รถยนต์ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น และควรตรวจสอบความพร้อมในการใช้งาน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง วันนี้แอดมินมีวิธีการดูแลรถยนต์ในช่วงฤดูฝนมาฝาก จะมีวิธีอย่างไร มาดูกันเลย
เช็กสภาพใบปัดน้ำฝนหน้ารถยนต์
สภาพการมองมีความสำคัญสูงสุดในการขับรถ เมื่อฝนตกก็จะยิ่งทำให้การมองย่ำแย่ลง โดยเฉพาะรถติดฟิล์ม หากใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ก็จะยิ่งทำให้การมองเห็นระหว่างฝนตกยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ฟิล์มเข้มกับการขับฝ่าสายฝนในตอนกลางคืนนั้นอันตราย โดยเฉพาะการติดฟิล์มหน้าที่มืดทึบพอๆ กับฟิล์ม ยางปัดน้ำฝนมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี เมื่อเสื่อมสภาพก็ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อทำให้การมองเห็นระหว่างฝนตกอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย
กระปุกน้ำและมอเตอร์ปั๊มน้ำฉีดกระจก
ใบปัดน้ำฝนใหม่ดีแล้วแต่กระปุกน้ำฉีดกระจกไม่มีน้ำเหลืออยู่เลยก็อาจทำให้การมองเลวร้ายลงเมื่อวิ่งตามรถคันข้างหน้าในขณะที่ฝนหยุดตกแล้วแต่ยังมีน้ำเจิ่งนองอยู่บนผิวถนน ละอองน้ำที่กระเด็นมาใส่กระจกบานหน้า ถ้าไม่มีน้ำล้างระหว่างการปัดทำความสะอาดก็จะทำให้มองไม่เห็นหรือไม่ชัดเจน เปิดฝากระโปรง ตรวจสอบระดับน้ำฉีดกระจกเมื่อเห็นว่าพร่องลงไปก็ควรเติมให้เต็ม ผสมกับน้ำยาเช็ดกระจกด้วยเพื่อช่วยเพิ่มความสะอาด มอเตอร์ปั๊มน้ำในกระปุกน้ำ ถ้าเสียก็ควรจะเปลี่ยนให้กลับมาพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
ระบบเบรก
ตรวจสอบผ้าเบรกให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกในกระปุกว่าปกติหรือเหลือน้อยกว่าระดับที่กำหนด ถ้าวิ่งลุยน้ำมาก็อย่าเพิ่งขับเร็ว พอพ้นจากจุดน้ำท่วมขังแล้วให้แตะเบรกเบาๆ เพื่อรีดน้ำออกจากจานเบรก อย่าตามรถคันหน้าใกล้เกินไปอาจทำให้เบรกไม่ทัน ผิวถนนที่มีน้ำฝนปกคลุมจะทำให้ระยะเบรกเพิ่มขึ้น เมื่อฝนตก ลดความเร็วลง และทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เปิดไฟหน้าแต่อย่าเปิดไฟฉุกเฉิน และมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการขับให้มากกว่าเดิมในสภาวะที่อากาศเปลี่ยนแปลง ระบบเบรกมีความสำคัญสำหรับหยุดรถเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เรื่องเบรกไม่ใช่เรื่องยาก มีอู่หรือศูนย์บริการที่รับตรวจสอบดูแลเฉพาะเรื่องเบรกอยู่เยอะ เมื่อไฟเตือนผ้าเบรกเหลือน้อยก็ไม่ควรใช้งานต่อ รีบเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถยนต์
ยางและลมยางขณะใช้งานในฤดูฝน
ยางสภาพสมบูรณ์มีดอกยางลึกมากพอและลมยางตามเกณฑ์กำหนดจะทำให้ควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพขณะขับฝ่าสายฝน บอกหลายครั้งแล้วว่า ยางนั้นหมายถึงชีวิต ถ้ายางดอกหมดหัวโล้นก็จะยิ่งทำให้เกิดอันตรายเมื่อนำไปขับใช้งานบนถนนที่ฝนตก ลมยางอ่อนเกินไป จะทำให้ยางมีอุณหภูมิสูง สึกหรอบริเวณแก้มยางอย่างรวดเร็ว ตรวจเช็กแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ อย่าปล่อยทิ้งไว้แบบไม่ใส่ใจ อาจทำให้การขับใช้งานไปไม่ถึงจุดหมาย ดอกยางต่ำกว่า 2.5 มิลลิเมตร หรืออายุการใช้งาน มากกว่า 3-4 ปี แนะนำให้เปลี่ยนยางเส้นใหม่ อย่าลืมลดความเร็ว แอ่งน้ำบนถนนความเร็วแค่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้
ระบบไฟสัญญาณ
ก่อนออกเดินทางก็ตรวจระบบไฟซะหน่อย ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟสูง ไฟฉุกเฉิน ไฟเบรก ไฟถอย และไฟตัดหมอก (ถ้ามี) ต้องทำงานทุกไฟ เพราะนั่นคือความสำคัญของระบบไฟสัญญาณในรถยนต์ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ฝนตก หากเห็นว่ามีบางจุดไม่ทำงานก็พาเข้าศูนย์บริการ หรือหากใช้รถเก่าขี้เกียจรอและจ่ายแพงก็ลองหาร้านไดนาโมแบตเตอรี่ที่มีความชำนาญด้านระบบไฟ เดินทางตอนกลางคืน เผื่อเหลือ เผื่อขาด ติดสายลากรถ แม่แรงและไฟฉาย LED พลังสูงไว้หน่อยก็ดีโดยเฉพาะการเดินทางไปในเส้นทางภูเขาหรือชนบทห่างไกล อย่าลืมชาร์จโทรศัพท์และสำรองพาวเวอร์แบงก์เอาไว้ด้วย
ขอบคุณ อาคม รวมสุวรรณ