เรื่องราวเกี่ยวกับเซ็กส์ยังป็นสิ่งที่ทุกคนพยายามมองหาคำตอบที่แท้จริงกันอยู่เสมอ บางเรื่องราวเป็น แค่ความเชื่อที่ถูกถ่ายทอดต่อๆ กันมาโดยปราศจากความเป็นจริง แต่บางเรื่องก็อยู่บนพื้นฐานของหลักเหตุผล และในเล่มนี้ เรารวบรวม 5 คำถามที่คาใจเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ ที่คนส่วนใหญ่สงสัยนำมาฝากกัน
- กี่ครั้งถึงจะเรียกว่าเหมาะสม
บางคนที่ชอบเรียกตัวเองว่า ‘ยอดชาย’ มักจะนับจำนวนครั้งของการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วในชีวิตที่ไร้การปรุงแต่ง ‘กี่ครั้ง’ ถึงจะเรียกว่าเหมาะสม
เมื่อมองถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ เชื่อเลยว่าร้อยทั้งร้อยของผู้ชายคิดแต่เรื่องของปริมาณมากกว่าคุณภาพ และพวกเขามักจะเน้นการทำยิงประตู มากกว่าความสวยงามในการเข้าทำ เรียกว่า ไม่ดูเลยว่าประตูที่ได้มานั้น มีคุณภาพหรือสวยงามขนาดไหน
แต่คำถามที่มักจะเกิดขึ้นคือ ต้องเท่าไรถึงจะเรียกว่าดี และเท่าไรถึงจะเรียกว่าเหมาะสม
คำตอบในสองเรื่องนี้คือ ไม่ว่าจะ ‘ดี’ หรือ ‘เหมาะสม’ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพร้อมและความพึงพอใจ ของฝ่ายหญิง เพราะของอย่างนี้ปรบมือข้างเดียวไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเราคงจะไม่มีคำว่า ‘ถูกใจให้ฟรี ทำดีได้เบิ้ล’ ซึ่งนี่คือ การแสดงให้เห็นถึงการกุมชะตากรรมของจำนวนครั้งที่ขึ้นอยู่กับฝ่ายหญิงอย่างชัดเจน
เพราะถ้าคุณมัวแต่เก็บสถิติด้วยจำนวนครั้ง โดยที่ลืมไปว่าอีกฝ่ายพึงพอใจหรือไม่นั้น อย่าหวังเลยว่า จะมีครั้งต่อไป
แต่เอาละถ้าคุณสนใจกับจำนวนครั้ง ก็ไม่ได้หมายความว่า ‘ยิ่งเยอะยิ่งดี’ เพราะแต่ละอย่าง มันมีจุดสมดุลย์ซึ่งกันและกันอยู่ นั่นหมายความว่า เยอะเกินไป ก็ไม่ใช่ว่าจะดี
จากการเก็บตัวเลขมีการเปิดเผยว่า ความถี่ของวัยกับการมีเพศสัมพันธ์ที่เหมาะสมนั้น จะเป็นตามนี้
-อายุ18-29ปี ประมาณ7ครั้งต่อเดือน
-อายุ30-39ปี ประมาณ6.5ครั้งต่อเดือน
-อายุ40-49ปี ประมาณ5.5ครั้งต่อเดือน
-อายุ50-59ปี ประมาณ4ครั้งต่อเดือน
-อายุ60-69ปี ประมาณ2ครั้งต่อเดือน
-อายุ70ปีขึ้นไป เฉลี่ยไม่เกิน1ครั้งต่อเดือน
ตรงนี้สอดคล้องกับความเชื่อทางการแพทย์ของชาวจีนหลายจุด โดยเฉพาะพวกเขามองว่า การมีเพศ สัมพันธ์ เป็นเรื่องของหยิน-หยาง หรือชายกับหญิง และเมื่อมีอายุมากขึ้น เรื่องเพศก็มักจะลดลง เพราะการเสื่อมถอย และการพัฒนาที่ลดลงทางธรรมชาติ
นอกจากนั้น ในเว็บไซต์ของมูลนิธิหมอชาวบ้านในหัวข้อเรื่อง โรคมะเขือเผา ยังกล่าวอีกว่า ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์มากเกินไป ซึ่งกวีโบราณของจีนได้เขียนเตือน ไว้ว่า “หญิงสาวมีความเสน่หา แต่สามารถฆ่าบุรุษได้ ไม่ใช่เพราะหล่อนจะเฉือนคอหอยดอก แต่หล่อนจะทำให้ไขกระดูกของบุรุษเหือดแห้งหาย” นักปราชญ์จีนโบราณกล่าวว่า “เพศเป็นจุดเริ่มต้นและก่อเกิดชีวิต และเพศจะนำมาซึ่งการสิ้นสุดของชีวิตเช่นกัน”
พร้อมกับระบุจำนวนครั้งที่เหมาะสมในการหลั่งอสุจิของผู้ชาย คือ
คนอายุ 20-29 ปี ควรควบคุมการหลั่งอสุจิ 4 วัน ต่อ 1 ครั้ง
คนอายุ 30-39 ปี ควรควบคุมการหลั่งอสุจิ 8 วัน ต่อ 1 ครั้ง
คนอายุ 40-49 ปี ควรควบคุมการหลั่งอสุจิ 16 วัน ต่อ 1 ครั้ง
คนอายุ 50-59 ปี ควรควบคุมการหลั่งอสุจิ 21 วัน ต่อ 1 ครั้ง
คนอายุ 60-69 ปี ควรควบคุมการหลั่งอสุจิ 30 วัน ต่อ 1 ครั้ง (ถ้าร่างกายอ่อนแอไม่ควรหลั่งอสุจิ)
แน่นอนว่าตัวเลขเหล่านี้เป็นการประมาณการ ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีจำนวนครั้งที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกาย
- ดื่มเหล้าเพิ่มพลังเซ็กส์
เหล้ากับเซ็กส์ มีดีและมีเสีย…เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินว่า การกินเหล้าจะช่วยทำให้ฝ่ายชายอึดขึ้น หรือมีพลังทางเพศเพิ่มขึ้น และแน่นอนว่าในยุคของข้อมูลข่าวสารเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ก็เลยทำให้หลายเลือกที่จะเชื่อ ทั้งที่ความจริงแล้ว คำกล่าวนี้แทบจะไม่เป็นความจริงเลย
ก่อนอื่นเราต้องแยกให้ออกก่อนระหว่าง ‘สมรรถภาพทางเพศ’ หรือ ‘พลังทางเพศ’ กับ ‘กระตุ้นอารมณ์’ เพราะแม้จะดูแล้วคล้ายกัน แต่ 2 คำนี้มีความหมายแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ในเชิงทางการแพทย์แล้ว เหล้า รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มีผลต่อร่างกายของคนเราอย่างมาก ไม่ใช่แค่เรื่องของตับเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอวัยวะต่างๆ ที่ทำหน้าที่ในการผลิต ฮอร์โมนในร่างกายของเรา ซึ่งบางตัวจะส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศด้วย โดยเฉพาะพวกที่ดื่มสุราอย่างหนัก หรือกินเยอะจนเกินไป ยิ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรงและหนักเอาการถึงขั้นเป็นพวกเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ความต้องการทางเพศลดลง หรือถึงขั้นอวัยวะเพศไม่แข็งตัวเลยก็มี
ดังนั้นการดื่มสุราเพื่อ ‘เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ’ จึงเป็นเรื่องที่หลอกลวงทั้งเพ
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าเหล้า หรืออาจจะรวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะไม่มีประโยชน์ ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณต้องดื่มในปริมาณที่เหมาะสม เพียงเพื่อให้เกิดการสูบฉีดและการไหลเวียนของเลือด โดยพุ่งไปที่การช่วย ‘กระตุ้นให้เกิดอารมณ์’ ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงเบียร์ หรือไวน์เพียงแก้วเดียว ไม่ใช่การนั่งดื่มเหล้าทั้งขวด
นอจากนั้น การดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ยังสามารถเปลี่ยนความกลัวให้เป็นความกล้า (ตามอีกชื่อคือน้ำเปลี่ยนนิสัย) ซึ่งถ้าที่กินในปริมาณที่เหมาะสม อาจจะช่วยทำให้การทำกิจกรรมระหว่าง คุณกับแฟนสาวที่ความสนุกและเร้าใจมากขึ้น กล้าทำในสิ่งที่ไม่กล้ามากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดื่มในปริมาณ ที่ควบคุมตนเอง และมีสติมากพอที่จะไม่ทำให้เกิดเรื่องที่ไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นด้วย
ถ้าคุณต้องการ ‘ความอึด’ หรือ ‘สมรรถภาพทางเพศ’ สุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่ใช่ทางเลือกอย่างแน่นอน ในตลาดมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้าง 2 อย่างที่คุณต้องการให้เลือกใช้ ซึ่งแน่นอนว่า เป็นทางเลือกที่เห็นผล และปลอดภัยกว่าการดื่มสุราอย่างแน่นอน
- เลือกขนาดถุงยางอยามัยอย่างไรให้ปลอดภัย
นอกจากจะช่วยในเรื่องของการคุมกำเนิดแล้ว อีกบทบาทของถุงยางอนามัยคือ การป้องกันโรคร้ายต่างๆ ที่มากับการมีเพศสัมพันธ์ และในเมื่อมีความสำคัญขนาดนี้ หนุ่มๆ วัยฉะกันทั้งหลายกลับยังไม่ค่อยให้ความสำคัญ และใส่ใจกับการเลือกถุงยางอนามัยให้เหมาะกับตัวเอง หลายคนรีบหยิบรีบจ่าย โดยไม่สนใจรายละเอียดเลย เอาเป็นว่าขอให้เป็นแค่ถุงยางอนามัยก็พอได้แล้ว โดยที่ลืมไปว่า ถุงยางมีหลายขนาด เหมือนกับเสื้อผ้า
ขนาดใครว่าไม่สำคัญ
ปัญหาหนึ่งของคนใช้ถุงยางอนามันคือ การไม่รู้ว่าขนาดของตัวเองอยู่ที่เท่าไร และแน่นอนว่าด้วยสรีระ และขนาดของอวัยวะเพศของผู้ชายที่ไม่เท่ากัน ทำให้ในตลาดมีการผลิตถุงยาวอนามัยที่มีขนาดต่างๆ เพื่อรองรับกับความต่างในด้านนี้ ซึ่งขนาดที่มีขายก็มีทั้ง 49, 52, 53, 54, 56 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นการวัด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของถุงยางอนามัย และการหลอกสาวด้วยการซื้อไซส์ใหญ่มาใช้ ย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแน่ เพราะถ้าขนาดของคุณเล็กกว่า โอกาสที่จะหลุดในระหว่างการปฏิบัติงานก็มีสูง หรือถ้าเลือกไซส์ที่รัดแน่นไป ก็มีโอกาสระเบิดกลางทางได้
การวัดขนาดอวัยวะเพศของผู้ชาย เราเคยเขียนถึงไปแล้วในบทความเก่าๆ ซึ่งประเด็นที่สำคัญสำหรับเรื่องนี้ คือ การวัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ซึ่งการวัดทำในช่วงที่อวัยวะมีการแข็งตัวเต็มที่ และวัดตรงส่วนที่ใหญ่ที่สุด โดยอาจจะใช้สายวัดหรือวัดจากเชือกแล้วมาเปรียบเทียบขนาดกับไม้บรรทัดก็ได้ จากนั้น เมื่อได้ตัวเลขมา ก็เอามาหาร 2 ก็จะได้ตัวเลขที่นำมาใช้อ้างอิงในการซื้อถุงยางอนามัย เช่น ตัวเลขที่ได้คือ 9.5 เซ็นติเมตร ซึ่งก็คือ 95 มิลลิเมตร จากนั้นหาร 2 ก็จะได้ 47.5 ดังนั้น ขนาดที่เหมาะสมคือ 49 มิลลิเมตร
เมื่อรู้เทคนิคอย่างนี้แล้ว การเลือกครั้งต่อไปของคุณก็ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องอาย เพราะถ้าเลือกผิด ชีวิตอาจจะมีพลิกอย่างแน่นอน
- ดนตรีช่วยเพิ่มการมีเซ็กส์ที่ดี
แน่นอนว่าหลายคนชอบบิวด์บรรยากาศในห้องด้วยเพลง และงัดสารพัดเพลงที่เรียกว่าสุด โรแมนติกออกมาเปิด แต่บ้างครั้งสิ่งที่คุณชอบกับสิ่งที่แฟนสาวคุณชอบ มันอาจจะไม่ไปด้วยกันไม่ได้ก็ได้ ถ้าอยากรู้ว่าเพลงไหมเหมาะกับอะไร เรามี Playlist มาฝาก
แน่นอนว่าดนตรีมีผลกับทุกกิจกรรมของมนุษย์…ต้องยอมรับถึงเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถ อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย หรือแม้แต่เซ็กส์ และจากการสำรวจของ University of London นักจิตวิทยาอย่าง Daniel Mullensiefen ยืนยันว่า ดนตรีที่เหมาะสมและดีจะมีส่วนช่วยในเรื่องของการกระตุ้นอารมณ์ และทำให้กิจกรรมทางเพศดีขึ้น
งานนี้วิจัยจากจำนวนกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 18-91 ปีจำนวน 2,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เกือบทุกคนบอกว่ามีการเปิดเพลงในระหว่างการทำกิจกรรม โดยในเชิงการแพทย์แล้ว พบว่าพบว่าการฟังเพลงทำให้มีการปลดปล่อยสารที่เรียกว่า โดพามีน ซึ่งเป็นสารที่หลั่งออกมาแล้ว มนุษย์จะมีความสุข ทำให้เคมีในสมองจะรู้สึกปลดปล่อย เหมือนเวลาเราได้รับประทานอาหารอร่อย ได้นอนเต็มอิ่ม หรือแม้แต่การมีเซ็กส์
นอกจากนั้น ยังมีการระบุอีกว่า ผู้ชายมักจะยอมเต็มใจปรับเสียงหรือเปลี่ยนเพลงเพื่อเอาใจแฟนสาว และส่วนใหญ่แล้วจะมีเซ็กส์ที่มีความสุข
สำหรับเพลงที่ถูกมองว่าเป็น Playlist ที่เหมาะสมอย่างมากในระหว่างการมีเซ็กส์ คือ
Top 10 tracks to play during sex:
- “She’s Like the Wind,” Patrick Swayze, Wendy Foster
- “Sexual Healing,” Marvin Gaye
- “Boléro (Ravel),” London Symphony Orchestra
4. “Take My Breath Away,” Berlin (Top Gun Original Soundtrack)
5. “You See the Trouble With Me,” Barry White
- “Let’s Get It On,” Marvin Gaye, Rene Hall
- “Unchained Melody,” The Righteous Brothers (Ghost Original Soundtrack)
- “My Heart Will Go On (Love Theme From ‘Titanic’),” Celine Dion
9. “Je T’Aime…Moi Non Plus,” Serge Gainsbourg
- “I Will Always Love You,” Whitney Houston
น่าเสียดายที่มีแต่เพลงฝรั่ง นักวิจัยไทยน่าจะลองทำรีเสิร์ชเรื่องนี้กับคนไทยบ้างนะ
- ทำไมหอยนางรมถึงเพิ่มพลังทางเพศ
ตอนที่สั่งหอยนางรมมากินสดๆ ถ้ากินอันเป็นหมู่คณะเชื่อเลยว่าน่าจะต้องมีคำถามหนึ่งลอยขึ้นมา ‘วันนี้จะเปิดศึกกับใคร’
อืมม์…เพราะอะไร คำถามนี้มักจะลอยขึ้นมาในวงเสมอ เวลาที่เราสั่งหอยนางรมมากิน
แน่นอนว่าเรารับรู้ว่าหอยนางรมคือ หนึ่งในอาหารที่สามารถ ช่วยทำให้คุณซู่ซ่าได้ แต่ว่าทำไม ? และคำกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องโคมลอย แต่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาแล้ว
เหตุผลคือ หอยนางรมเป็นหนึ่งในอาหารทะเลที่มีสารประกอบที่เรียกว่า เทารีน (Taurine) ซึ่งสารนี้มีส่วนในการทำงานของระบบประสาท และกระตุ้นต่อมหมวกไตให้หลั่งสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘พลอสตาแกลนดิน’ ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศ ที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นต่อระบบประสาทในการตอบสนองทางด้านเซ็กส์ โดยในทางการแพทย์สารตัวนี้เคยถูกสะกัดออกมา และถูกนำมาใช้เป็นยาสำหรับฉีดเข้ากับร่างกายของผู้ ที่มีปัญหาเรื่องเซ็กส์เสื่อมมาแล้ว
นอกจากนั้น ในเทารีนยังมีแร่สังกะสีซึ่งเป็นตัวส่งเสริมการทำงานของฮอร์โมนตัวนี้ให้ดียิ่งขึ้นด้วย
และนี่คือเหตุผลหลักที่ว่า ทำไมถึงเกิดความเชื่อที่ว่ากินหอยนางรมแล้ว จะช่วยเพิ่มพลังทางเพศได้
อย่างไรก็ตาม การที่จะทำให้เกิดความคึกคักได้นั้น ก็ต้องกินในปริมาณที่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ไม่ใช่ตัวสองตัว ซึ่งผลที่ตามมานอกจากจะกระเป๋าฉีกในกรณีที่เมนูนั้นเป็นหอยนางรมอิมพอร์ต หรือไม่ก็มีความ เสี่ยงจากโรคทางเดินอาหาร เพราะหอยนางรมเรามักทานกันสดๆ และบางครั้ง อาจจะเกิดเชื้อโรค เพราะเก็บเอาไว้นาน สุดท้ายแทนที่จะได้สนุก อาจจะทุกข์ถนัดได้
ทางที่ดี หากคิดว่าต้องการผลแบบชัดเจนและรวดเร็ว การมองหาทางเลือกอย่างยาผู้ชายคุณภาพดีๆ ที่มีผลข้างเคียงน้อย และผลิตจากสมุนไพร น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะนอกจากจะปลอดภัยแล้ว ยังได้ผลทันใจชัดเจน และราคาต่อการใช้งานถูกกว่า
ขอขอบคุณ mx-thailand