ในยุคที่สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ยังคงระบาดในหลายประเทศ จนทำให้มีผู้ป่วยแล้วมากกว่า 130,000 คน ทั่วโลก และยังไม่มีวัคซีนรักษาให้หายขาดได้
สิ่งที่เราอาจทำได้ในตอนนี้ คือการนำมาตรการ “ระยะห่างทางสังคม” (Social Distancing) มาใช้ ซึ่งอาจเป็นมาตรการดีที่สุดในขณะนี้ ที่เราจะใช้ในการต่อสู้ เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ช้าลง ด้วยการการหลีกเลี่ยงที่จะติดต่อและสัมผัสกับผู้อื่น ทำให้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและกระจายเชื่อไปยังคนอื่น และช่วยลดภาระการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงเช่นนี้ แต่เราต้องอย่าลืมว่า กิจกรรมทางเพศของมนุษย์ ซึ่งหมายถึงการปฏิบัติที่มนุษย์ได้พบและปลดปล่อยเรื่องทางเพศ เช่น การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางร่างกายหรืออารมณ์ รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์นั้น ยังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจแพร่เชื้อให้อีกคนหนึ่งได้
ที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้ที่จะป้องกันตนเองจากไวรัส เช่นการล้างมือเป็นวลา 20 วินาที การไม่นำมือไปสัมผัสใบหน้า และหมั่นทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้อยู่เสมอ แต่การนำสิ่งเหล่านี้ไปปฏิบัติให้เป็นนิสัย ก็เป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน
ขณะที่คำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ CDC ที่ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่ระบาดระหว่างคนที่อยู่ใกล้ชิดกันในระยะ 6 ฟุต หรือ 1.8 เมตร นั่นอาจหมายถึงว่า เราอาจไม่สามารถไปออกเดตกับแฟน หรือมีเพศสัมพันธ์กัน
บทความของ Vox ได้เสนอบทความเพื่อหาแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์และการออกเดทท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของไวรัส โดยได้สอบถามความเห็นของ “แอนนา มัลดูน” อดีตที่ปรึกษาด้านนโยบายศาสตร์ ประจำกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันกำลังทำวิจัยด้านโรคติดเชื้อและการรับมือวิกฤตด้านโซเชียล
ข้อสรุปที่ได้คือ เราสามารถไปออกเดทได้ แต่ต้องซื่อสัตย์กับตนเองหากเรามีอาการป่วย และต้องพิจารณาสถานที่ที่ต้องไปอย่างรอบคอบ การมีเพศสัมพันธ์ในลักษณะ “วัน ไนท์ สแตนด์” อาจมีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่ที่เราอยู่อาศัย เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการสัมผัสทางร่างกายอย่างใกล้ชิด
ถาม: เรามักได้รับคำแนะนำให้ทำสิ่งต่างๆ เพื่อป้องกันเชื้อไวรัส แต่เรามักไม่ได้พูดถึงการป้องกันในแง่ของการออกเดทหรือมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากอย่างหนึ่ง ดังนั้น เราจะสามารถไปออกเดท ไปเข้าบาร์ หรือไปพบปะผู้คนได้หรือไม่
ตอบ: ตราบใดที่เรายังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไป การออกไปซื้อของ การออกเดท และการพบปะผู้คน ยังคงทำได้ แม้จะมีการระบาดของโรคก็ตาม
ถาม: ก่อนที่จะปัดโทรศัพท์เพื่อออกเดท เราควรทำความสะอาดโทรศัพท์ของเราเป็นอย่างแรกหรือไม่
ตอบ: การทำความสะอาดโทรศัพท์เป็นสิ่งจำเป็น เพราะพื้นผิวที่เราวางอาจไม่สะอาด มือที่เราจับโทรศัพท์ อาจไปสัมผัสกับอะไรมากมาย และเชื้อโรคทั้งหลายตอนนี้ก็ติดอยู่ที่โทรศัพท์ และหากเรารู้สึกไม่สบายใจ ก็ควรทำความสะอาด
ถาม: แล้วการออกเดทล่ะ เพราะ CDC แนะนำให้เราหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนแปลกหน้า หรือการหายใจรดผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ เพื่อเราต้องออกเดท ขณะที่เป้าหมายสุดท้ายของการออกเดทก็คือการได้ใกล้ชิดกับใครสักคน ดังนั้น เราจึงควรจะพักการออกเดทไปก่อนหรือไม่
ตอบ: อันดับแรกคือ อย่าออกเดทถ้ารู้สึกไม่สบาย แม้คนที่เราจะเดทด้วยจะมีเสน่ห์มากๆ ก็ตาม และเราก็ไม่อยากเสียโอกาสนี้ไป แต่การระมัดระวังไว้ก่อนก็เป็นสิ่งที่ดี ถ้าสภาพของเราดูย่ำแย่ มีอาการคัดจมูก หรือรู้สึกไม่สบายตัว ก็ไม่ควรออกไป พยายามเพิ่มความระมัดระวังเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองก่อนที่จะไปเดท ให้มากกว่าช่วงสถานการณ์ปกติทั่วไป
ฉันไม่คิดว่าการบังคับตัวเองไม่ให้มีเพศสัมพันธ์หรือไม่ไปออกเดท จนกว่าไวรัสจะหายไป จะเป็นเรื่องจำเป็น ส่วนหนึ่งเพราะเรากลัวกันจนไม่เป็นอันทำอะไร เรายังคงดำเนินชีวิตได้อย่างปกติต่อไปในช่วงเวลาของการระบาด โดยเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งการทำอะไรแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายไปเสียหมด เพราะมนุษย์ก็ยังคงต้องเป็นมนุษย์
เราสามารถป่วยได้โดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว หากเรารู้สึกอ่อนล้าและเฉื่อยชา นั่นอาจหมายถึงว่าเรารับประทานอาหารผิดสำแดง หรือไม่ก็อาจกำลังจะป่วย ก็ต้องยอมรับว่าตัวเองป่วยและไม่ไปออกเดท
การยกเลิกเดทไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าคุณรู้สึกไม่สบายตัว และคนที่คุณเดทด้วยก็น่าจะโอเคกับเรื่องนี้ แต่การออกไปพบปะผู้คนก็สามารถทำได้ เพราะเรายังไม่ไปสู่จุดที่เราจำเป็นต้องขังตัวเองไว้ในบ้านและห้ามพบปะผู้คน
ถาม: ดังนั้นเราจึงสามารถบอกยกเลิกนัดคนที่เราจะเดทด้วยได้อย่างสบายใจ และคนที่ถูกยกเลิกก็ควรจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้
ตอบ: มันจะเป็นสิ่งที่น่ายินดีมาก หากคนทั่วไปทำแบบนี้ นั่นเพราะมันคือสิ่งที่ดีที่เราควรปฏิบัติต่อกันในฐานะมนุษย์ และเพราะเราสามารถป่วยเป็นไข้หวัดได้ตลอดทั้งปี และสำหรับคนส่วนใหญ่ ไข้หวัดไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับบางคนคือเรื่องใหญ่ มันจะดีมากหากเราสามารถสร้างวัฒนธรรมการออกเดทหรือมีเพศสัมพันธ์ ที่เราสามารถบอกอีกฝ่ายหนึ่งได้ว่า “ฉันยังไม่อยากจะมีคืนนี้” เพราะรู้สึกไม่สบายตัวและอ่อนล้า และอาจจะขอเลื่อนไปวันอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
ถาม: แล้วถ้าเป็น “วัน ไนท์ สแตนด์” ล่ะ
ตอบ: ปัญหาของ “วัน ไนท์ สแตนด์” ก็คือ แทบไม่มีการพูดคุยกันเพื่อให้แน่ใจว่าเราได้ตัดสินใจดีแล้ว เมื่อมองในมุมมองด้านสุขภาพ เพราะหากเราอยู่ในที่ที่แทบไม่มีการระบาด “วัน ไนท์ สแตนด์” ก็อาจมีได้
นอกจากนั้น เราอาจจะใช้เวลาในการพูดคุยทางออนไลน์กับอีกฝ่ายให้นานขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจแบบ “ตอนนี้เท่านั้น” แต่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากที่ผู้คนจะมาเจอกันน้อยลงในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากพวกเขาได้คุยกันสักครู่
ถาม: ดูเหมือนกฎที่คุณเคยบอกก็คือ หากรู้สึกไม่โอเค ก็อย่าไปบาร์ หรืออย่าออกเดท และการทำแบบนี้คุณก็อาจจะได้ช่วยคนให้มีความสุขได้
ตอบ: ถ้าคุณคิดว่ายังมีโอกาส แม้จะน้อยนิด ที่คุณจะรู้สึกแย่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม จงอย่าไปเที่ยวบาร์ หรือหาคู่นอนจากกรินเดอร์ หรือทินเดอร์ ในคืนนั้น
ถาม: เคยมีคำกล่าวของนักไวรัสวิทยาว่า ไม่มีหลักฐานที่ชี้ว่าไควิด-19 สามารถติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ แต่การจูบก็อาจเป็นสิ่งที่เสี่ยงที่สุด ในแง่ของกิจกรรมทางเพศและการติดต่อของเชื้อโรค ดังนั้น การทำโอษฐ์กาม การมีเพศสัมพันธ์ทางอวัยวะเพศ การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือแม้แต่การใช้มือช่วย ถือว่าเสี่ยงน้อยกว่าการจูบหรือไม่
ตอบ: การจูบอาจสามารถแพร่กระจายไวรัสได้ดีที่สุด เชื้อโควิด-19 ไม่ได้ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม การมีเซ็กซ์ก็หมายถึงการต้องใกล้ชิดกับคนอื่น เราหายใจรดใส่กัน เราสัมผัสร่างกายอีกฝ่าย สรุปสั้นๆ ก็คือ การมีเซ็กซ์ก็คือการสัมผัสร่างกายอย่างใกล้ชิด ดังนั้น จึงไม่มีทางที่จะมีเซ็กซ์โดยปราศจากความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ
ถาม: หากการมีเพศสัมพันธ์ถูกนำเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องสุขอนามัย การไม่หายใจรดกัน หรือการไม่สัมผัสร่างกาย เรายังสามารถมีความสุขกับเซ็กซ์ได้หรือไม่ และหากคนที่เป็นแฟนหรือสามีภรรยากัน ต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศ จะทำได้หรือไม่ และหากคนที่เรารักเริ่มมีอาการเหมือนคัดจมูก เราควรให้เขากักตัวเองหรือไม่
ตอบ: เราไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไปเมื่อคนที่เรารักมีอาการป่วย ในฐานะครอบครัว หากเราอยู่ด้วยกันและมีคนหนึ่งล้มป่วย เราควรให้คนคนนั้นได้อยู่ในห้องของตัวเอง ส่วนเราก็ควรทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ใช้ร่วมกัน มันอาจจะทำไม่ได้ 100% แต่ก็มีผู้ให้คำแนะนำดีๆ มากมายในอินเตอร์เน็ต ที่เราสามารถทำตามได้
สำหรับคู่รักที่ต้องอาศัยร่วมกันในที่แคบๆ อย่างคอนโดมีเนียมหรืออพาร์เมนต์ เราไม่จำเป็นต้องย้ายออกเมื่ออีกคนหนึ่งป่วย เพราะเรารักเขา และคงไม่อยากปล่อยให้เขาอยู่เพียงลำพัง อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาอาการดูแย่ ควรแจ้งแพทย์เพื่อให้มาตรวจร่างกาย หรือนำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูว่าติดเชื้อไวรัสหรือไม่
ถาม: การใช้คำถามที่ว่า “คุณสบายดีมั๊ย” อาจเป็นสิ่งที่ดี ในทางกลับกัน คู่รักหรือคนใกล้ชิดที่มีอาการป่วย ก็ควรตอบคำถามดังกล่าวเช่นกัน โดยที่ไม่แสดงอาการไม่พอใจ
ตอบ: เราควรพูดคุยกับอีกฝ่ายเรื่องสุขภาพอย่างตรงไปตรงมา เช่นหากคู่รักของเรามีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีผลเอชไอวีเป็นบวก หรือต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เราควรระมัดระวังในการพูดคุย หรือหากต้องทำคีโม ซึ่งอาจจะเพิ่มความเสี่ยงจะติดเชื้อได้ เราควรเพิ่มความระแวดระวัง เราอาจจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับสุขภาพโดยทั่วไปของเขา และหากพวกเขามีสิ่งที่ทำให้ตนเองมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ เราก็ควรจะเพิ่มความระมัดระวัง
ขอขอบคุณ Workpointnews