เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ก.ค. ที่ห้องศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นางวิภากร หรือกานต์ ศุขพิมาย อายุ 47 ปี พร้อมสามีนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ร็อกเกอร์ชื่อดัง เดินทางมาฟัง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดำ อ.83/2562 ที่น.ส.อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์ หรืออีพ แม็กซิม อายุ 30 ปี อดีตรองมิสแม็กซิม ไทยแลนด์ ปี 2008 เป็นโจทก์ฟ้องนางวิภากร เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา
กรณีเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.61เวลากลางคืน จำเลยได้โพสต์ข้อความใจเฟซบุ๊กส่วนตัวทำนองว่า อีเหลือมมาเกาะผัวกินไม่ทำงาน ผัวกูทนลำบากอดทนไม่ได้ที่จะต้องจนและอยู่กับกระหรี่อย่างมึง และข้อความอื่นซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้ผู้ที่อ่านข้อความเข้าใจว่า โจทก์เป็นคนไม่ดี ต้องเสื่อมเสีย ชื่อเสียง ดูถูก เกลียดชัง เหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร จึงนำคดีมาฟ้อง ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษ จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วคดีมีมูลประทับรับฟ้อง ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ
วันนี้ฝ่ายนางวิภากร จำเลย เดินทางมาพร้อมสามีนายเสกสรรค์ โดยฝ่ายโจทก์ไม่ได้เดินทางมาศาล
ศาลพิเคราะห์แล้ว ปัญหาวินิจฉัยจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์อ้างตนเองเป็นพยาน เบิกความเกี่ยวกับกรณีที่จำเลยโพสต์ข้อความว่าอีเหลือม และอื่นๆ ซึ่งข่าวได้นำเสนอ จำเลยได้ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก และได้รับเชิญไปออกรายการทีวี ทำให้ประชาชนและสื่อมวลชน เข้าใจว่าอีเหลือมหมายถึงโจทก์ ข้อความที่โพสต์มีเนื้อหาเกี่ยวกับความขัดแย้งของโจทก์กับจำเลย ส่วนที่จำเลยต่อสู้คดีว่าเฟซบุ๊กตนมีผู้ดูแลหลายคนนั้น เป็นคำกล่าวอ้างลอยๆ เชื่อว่าจำเลยเผยแพร่ภาพและข้อความด้วยตนเอง
ข้อความมีเนื้อหาทำนองเดียวกัน เกี่ยวกับการคบหาอดีตสามี ไม่มีผู้ขัดแย้งคนอื่น และมีบุคคลมาตอบแสดงความคิดเห็นกล่าวถึงโจทก์ แสดงว่าประชาชนและสื่อมวลชนเข้าใจและทราบดีว่าจำเลยกล่าวถึงโจทก์ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าไม่ได้ระบุชื่อนั้น การที่จำเลยไม่ระบุชื่อโดยตรง แต่ทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจได้ ถือว่าใส่ความโจทก์แล้ว มีเจตนาพาดพิงโจทก์
สำหรับข้อความตามฟ้องเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่ จำเลยโพสต์ถึงโจทก์ทำนองว่าเป็นเดรัจฉาน กะหรี่ กล่าวหาโจทก์เป็นโสเภณีคนไม่ดี เป็นการดูถูกเหยียดหยาม ทำให้บุคคลเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนเลวทรามต่ำช้า ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถือเป็นความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามฟ้อง
พิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิด ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ประกอบ 326 หลายกรรมต่างกันเป็นกระทงความผิดไป จำคุกจำเลยกระทงละ 1 ปีปรับ 40,000 บาท รวม 5 กระทง เป็นจำคุก 5 ปี ปรับ 200,000 บาท ความผิดจำเลยเกี่ยวกับความขัดแย้งเรื่องครอบครัว จำเลยมีความกดดันหลังเลิกกับสามี และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นควรให้รอลงอาญาโทษจำคุก เป็นเวลา 2 ปี และลบข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยขอขมานั้น ไม่มีกฎหมายสั่งบังคับให้ขอขมาได้