สปสช. ยืนยัน 800,000 คน ที่กระทบการเลิกสัญญาคลินิกและโรงพยาบาล 64 แห่ง ยังใช้สิทธิบัตรทองได้ที่หน่วยบริการใกล้บ้าน ไม่ต้องใช้หนังสือส่งตัว
วันที่ 22 กันยายน 2563 ไทยพีบีเอส รายงานว่า นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณียกเลิกสัญญาการให้บริการสาธารณสุขของคลินิกชุมชนอบอุ่น และโรงพยาบาลที่กระทำผิดสัญญาในการเบิกจ่ายเงินกองทุน 64 แห่ง ย้ำว่า สิทธิบัตรทองของประชาชนกลุ่มที่สถานบริการสาธารณถูกยกเลิกสัญญา 800,000 คน ยังคงอยู่ และการยกเลิกสัญญาเกิดขึ้นเฉพาะในพื้นที่ กทม. เท่านั้น ต่างจังหวัดไม่ได้รับผลกระทบ
ในช่วงที่ สปสช. กำลังดำเนินการจัดหาหน่วยบริการแห่งใหม่แทนหน่วยบริการเดิม เพื่อดูแลประชาชน จึงมีแนวทางให้กับประชาชนในการเข้ารับบริการสาธารณสุข ดังนี้
1. กรณีเจ็บป่วยทั่วไป หรือมีแผนการรักษาพยาบาลกับหน่วยบริการทั้ง 64 แห่ง
สามารถเข้ารับบริการรักษาพยาบาลต่อเนื่องได้ที่หน่วยบริการภาครัฐและเอกชน ได้แก่ โรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน โดยไม่ต้องใช้หนังสือส่งตัว ซึ่ง สปสช. ได้ทำหนังสือแจ้งหน่วยบริการทุกแห่งว่าให้บริการสาธารณสุข และขอรับค่าใช้จ่ายเป็นกรณีผู้ป่วยสิทธิว่างมาที่ สปสช. โดยไม่ต้องเก็บเงินจากผู้ป่วย
2. สำหรับกรณีผู้ป่วยที่มีหนังสือส่งตัวเดิม เพื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลรับ-ส่งต่อ
สามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลรับ-ส่งต่อเดิมได้โดยไม่ต้องใช้หนังสือส่งตัว แต่หากโรงพยาบาลรับ-ส่งต่อเดิมนั้นถูกยกเลิกสัญญาด้วย ก็สามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้านได้โดยไม่ต้องใช้หนังสือส่งตัว
3. กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
ประชาชนสามารถเข้ารับบริการรักษาพยาบาลได้ที่หน่วยบริการภาครัฐและเอกชน ที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือหากเป็นภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตเข้าเกณฑ์เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ หรือ UCEP ก็สามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้านได้
4. ผู้ป่วยที่ยังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ถูกประกาศยกเลิกสัญญาแต่ยังไม่สิ้นสุดแผนการรักษา
ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะใช้สิทธินอนรักษาต่อเนื่องได้จนอาการดีขึ้น แพทย์พิจารณาแล้วอนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยโรงพยาบาลยังเบิกค่าใช้จ่ายกรณีผู้ป่วยกลุ่มนี้มายัง สปสช. ได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
5. ผู้ป่วยที่มีนัดผ่าตัดหรือแอดมิทเป็นผู้ป่วยในตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2563 กับโรงพยาบาลที่ถูกบอกยกเลิกจำนวน 7 แห่ง
ผู้ป่วยสามารถแจ้งชื่อ วันนัดผ่าตัด และเบอร์โทรศัพท์ มาที่สายด่วน สปสช. 1330 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะประสานหน่วยบริการให้ได้รับการรักษา และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หรือหากมีข้อสงสัยก็สามารถสอบถามทางสายด่วน 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยพีบีเอส