จบดราม่า ตา-หลาน เข้าขอโทษเสี่ยบิ๊กไบก์

จากกรณีที่นายคณากร อภัยจิตต์ หรือเสี่ยเต้ย อายุ 27 ปี ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ พุ่งชนกองข้าวที่ชาวนาตากไว้บนถนน เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา จนรถเสียหลักล้มได้รับความเสียหายและบาดเจ็บ จึงได้นำเรื่องราวไปโพสต์เฟสบุ๊กเตือนภัย แต่หลานเจ้าของข้าวกลับโพสต์ต่อว่า นำไปสู่การแจ้งความเอาผิด

 

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ 22 พฤศจิกายน 2563 นายสมชาย หมื่นรัมย์ อายุ 67 ปี พร้อมด้วยนางกูล หมื่นรัมย์ อายุ 60 ปี สองตายายเจ้าของข้าวเปลือก และ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี หลานสาวที่เข้าไปคอมเม้นต์ต่อว่าเสี่ยบิ๊กไบค์ จนทำให้เรื่องราวบานปลาย และกลายเป็นกระแสดราม่าในโซเชียล ได้เดินทางไปขอโทษนายคณากร หรือเสี่ยเต้ย เจ้าของบิ๊กไบค์ที่ประสบอุบัติเหตุแล้ว โดยมีนายราชศักดิ์ ตระสินธ์ สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นตัวกลางในการพูดคุยในครั้งนี้ โดย น.ส.เอ ซึ่งเป็นหลานสาว ก็ได้ยกมือไหว้ขอโทษเสี่ยเต้ย ที่เข้าไปคอมเม้นต์ต่อว่าเสี่ยในเฟสบุ๊ก ซึ่งเสี่ยเต้ย ก็ให้อภัย

หลายสาวตากข้าวเปลือกบนถนนขอโทษเสี่ยบิ๊กไบค์

โดย น.ส.เอ บอกว่า ที่เข้าไปคอมเม้นต์ต่อว่าเสี่ยวันนั้นทำไปเพราะขาดสติ และด้วยความโมโห ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย ก็อยากฝากถึงคนที่จะเข้าไปคอมเม้นต์หรือแสดงความคิดเห็นอะไรต่างๆ ควรจะมีสติ เพราะทุกวันนี้โลกโซเชียลแรง ส่วนที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้ามาขอโทษด้วยตัวเองนั้น ก็คิดว่าให้ทางตายายและครอบครัว พูดคุยเรื่องก็จะจบไม่คิดว่าจะบานปลายขนาดนี้ แต่วันนี้ได้มาขอโทษ และเสี่ยเต้ย ให้อภัยไม่ได้ติดใจเอาเรื่องอะไร ก็ดีใจ และขอบคุณท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่มอบให้ทางสหกรณ์จังหวัด มาพูดคุยไกล่เกลี่ยจนเรื่องจบลงด้วยดี

 

 

ด้านเสี่ยเต้ย บอกว่า หลังจากตา ยาย และหลานสาวได้มาขอโทษด้วยความจริงใจ ตนก็ให้อภัย และพร้อมจะถอนแจ้งความ ส่วนเงินที่ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ฝากมาช่วยเหลือแทนครอบครัวของคุณตา เพื่อเป็นค่าซ่อมรถให้กับตนเองจำนวน 10,000 บาทนั้น ตนก็จะนำไปมอบต่อให้กับโรงเรียนบ้านหนองสะแก ซึ่งมีโครงการที่กำลังจะก่อสร้างอาคารเรียน เพราะไม่ได้คิดที่จะเอาเรื่องหรือเรียกร้องค่าเสียหายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

ในประเทศ - จบด้วยดี! หลาน-ตายายตากข้าวเปลือกบนถนน ขอโทษ'เสี่ยบิ๊กไบค์ 'ถอนแจ้งความ

 

อย่างไรก็ตามจากกรณีที่เกิดขึ้นก็ฝากถึงชาวนาที่ยังไม่มีกรวยหรืออุปกรณ์สำหรับวางเป็นสัญลักษณ์ช่วงที่ตากข้าวเปลือกบนถนน ทางร้านก็มียางเก่าซึ่งชาวนาสามารถมาขอรับได้ฟรี เพื่อนำไปพ่นสีสะท้อนแสงวางกั้นตามจุดที่ตากข้าวให้รถที่สัญจรไปมามองเห็นได้ชัดเจน เชื่อว่าจะสามารถลดการเกิดอุบัติเหตุได้

 

“ส่วนเรื่องที่บอกว่าคุณตา กับคุณยาย เข้ามาขอโทษตนเองที่ร้านถึง 3 ครั้ง แต่ผมไม่ยอมออกมารับคำขอโทษนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีนักข่าวคนหนึ่งเข้ามาที่ร้าน ก็ไม่รู้ว่ามาจากสังกัดไหนช่องไหน มาขอข้อมูลกับตนเองซึ่งตนก็ให้ข้อมูลไปทั้งหมด แต่ข่าวที่ออกมากลับบิดเบือนทำให้ตนเองเสียหาย ความจริงเจอคุณยาย คือวันที่เดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก ซึ่งวันนั้นคุณยายก็ได้กล่าวขอโทษ แต่ผมบอกยายว่า ประเด็นอยู่ที่ตา และหลานสาว ถ้าตากับหลานมาขอโทษเรื่องก็จบ ซึ่งวันนี้เมื่อตา กับหลานมาขอโทษตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีก”

 

ด้านนายราชศักดิ์ ตระสินธ์ สหกรณ์จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนเองได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ฯ ซึ่งได้รับการสั่งการมาจาก น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีความเป็นห่วงในกรณีที่เกิดขึ้น จึงให้ตนเองมาเป็นตัวแทนในการประสานทำความเข้าใจกับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ยังได้มอบเงินจำนวน 10,000 บาทเพื่อช่วยเหลือตายาย เจ้าของข้าวเปลือกจ่ายเป็นค่าซ่อมให้กับผู้เสียหาย เพราะเห็นถึงทุกข์ยากของชาวนา แต่ก็เห็นใจผู้ที่สัญจรไปมาบนท้องถนนก็เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้ขึ้นอีก ท่านรัฐมนตรีจึงฝากประชาสัมพันธ์ให้สหกรณ์ทุกจังหวัดเปิดพื้นที่ ให้ชาวนาสามารถนำข้าวเปลือกไปตากตามลานในสหกรณ์การเกษตรได้ฟรี

 

ส่วนที่ทางผู้เสียหายในกรณีนี้มีแนวคิดจะบริจาคยางรถยนต์เก่าให้ชาวนานำไปพ่นสีสะท้อนแสง เพื่อเป็นอุปกรณ์ไปวางตามจุดที่ตากข้าวให้รถสัญจรไปมามองเห็นได้ชัดเจนก็เป็นสิ่งที่ดี หากผู้ประกอบการรายอื่นๆ อยากให้ช่วยเหลือชาวนาหรือร่วมกันลดอุบัติเหตุก็อยากให้ร่วมกันบริจาค เพราะถือเป็นสิ่งที่ดี