บลูด็อก (Bulldog) ถึงจะอ้วนแต่ก็น่าร๊าก

ข้อมูลทั่วไป

สุนัขสายพันธุ์บูลด็อก (Bulldog – English Bulldog, British Bulldog) มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ เป็นสุนัขที่มีโครงสร้างใบหน้าเหี่ยวย่น และดูเศร้าอยู่ตลอด แต่ในทางกลับกันสุนัขสายพันธุ์นี้แท้ที่จริงแล้วเป็นสุนัขที่มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น ขี้อ้อน แรงเยอะ บ้าพลัง กินเก่งมาก และมีพฤติกรรมการกินที่เร็วมากเนื่องจากปากกว้าง จุดเด่นของสุนัขสายพันธุ์นี้อยู่ที่หน้าสั้น  จึงมีปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคทางเดินหายใจที่มักเกิดในกลุ่มสุนัขที่มีโครงหน้าสั้น (Brachycephalic breed) โรคผิวหนัง หรือแม้แต่โรคทางกระดูกและข้อ หากใครอยากเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ ควรศึกษาข้อมูล เพื่อทำความรู้จักกับเจ้าบูลด็อกให้ดี เขาจะได้อยู่กับเราไปนานๆ เรามาทำความรู้จักกับสุนัขสายพันธุ์บูลด็อกกันเลยดีกว่า 

ภาพรวมของสายพันธุ์บูลด็อก (คะแนน 1-5)

ภาพรวมด้านการปรับตัว • • •
   • ปรับตัวได้ดีกับการอยู่ในที่พัก • • •
   • เหมาะกับผู้ที่เริ่มเลี้ยงสุนัข • •
   • ขี้กลัวหรือขี้ตกใจ • •
   • อยู่ตัวเดียวเพียงลำพัง • • •
   • ทนต่ออากาศหนาวเย็น • • •
   • ทนต่ออากาศร้อน • •
   
 ภาพรวมด้านความเป็นมิตร • • • •
   • เหมาะกับการเลี้ยงร่วมกับคนในครอบครัว • • • •
   • เป็นมิตรกับเด็ก • • • •
   • เป็นมิตรกับสุนัขตัวอื่น • • • •
   • เป็นมิตรกับแมว • • •
   • เป็นมิตรกับคนทั่วไป • • • •
   
 ภาพรวมด้านสุขภาพ • • •
   • แนวโน้มที่จะน้ำหนักเกินหรืออ้วน • • • •
   • ความขี้เล่น • •
   • ความชอบเห่าหรือส่งเสียง • •
   • ความง่ายในการดูแลขนและทำความสะอาด • • • • •
   • ปริมาณการผลัดขน • •
   • ความต้องการออกกำลังกาย • • •
   • ความฉลาด • • •

 

สายพันธุ์บูลด็อกควรมีขนาดตัวเท่าไหร่

บูลด็อกเป็นสุนัขที่มีรูปร่างอ้วนสั้น  ขนาดความสูงอยู่ที่  12 – 15 นิ้ว  น้ำหนักประมาณ 18 – 25 กิโลกรัม  ไม่ควรให้น้ำหนักเกินกว่านี้เพราะจะทำให้อ้วนจนทำให้ขารับน้ำหนักไม่ไหว บูลด็อก มักจะมีขนสีน้ำตาล สีขาวปนเฉดสีต่าง ๆ และบางรายอาจจะมีขนสีเทาซึ่งเป็นสีที่หายากมากๆ 

 

บุคลิกของสายพันธุ์บูลด็อก

บูลด็อกเป็นสุนัขที่เข้ากับคนง่าย ค่อนข้างเป็นมิตรกับมนุษย์ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ มีนิสัยเฉื่อยชารักสงบ และยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่รักความสบายชอบนอนบนพื้นที่นุ่มๆ อย่างเช่น โซฟา หรือบนที่นอน ชอบอากาศเย็น ไม่ทนต่อแสงแดดและอากาศร้อนๆ เมื่อใดก็ตามที่ต้องเจอแดดร้อนๆ หรืออากาศอบอ้าวสุนัขสายพันธุ์นี้จะเหนื่อยและหอบมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆหลายเท่า 

บูลด็อกจะเป็นสายพันธุ์ที่รักการกินมากเป็นชีวิตจิตใจ กินทุกอย่างที่ขวางหน้า เป็นสุนัขที่ไม่ค่อยเห่า แต่หากเห่าจะส่งเสียงดังมากเช่นกัน บูลด็อกสุนัขหน้าสั้นเวลานอนจะนอนกรนเสียงดัง เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ

ความดื้อถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คนเลี้ยงสุนัขบูลด็อกส่วนใหญ่ต้องเผชิญ และทำความเข้าใจยกตัวอย่างเช่น หากเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในความสนใจ สุนัขพันธุ์นี้จะไม่ยอมปฏิบัติตามเลย อย่างไรก็ตามเราสามารถรับมือกับความดื้อของสุนัขพันธุ์นี้ได้ โดยการฝึกสุนัขอย่างเหมาะสม เช่น การให้รางวัลหลังจากที่สุนัขปฏิบัติตามคำสั่ง การไม่ลงโทษสุนัขอย่างไร้เหตุผล เป็นต้น

 

ภาวะปัญหาสุขภาพของสายพันธุ์บูลด็อก

     • โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip dysplasia) โรคข้อสะโพกเสื่อมเป็นภาวะที่พบได้มากในสุนัขพันธุ์กลางถึงใหญ่ โดยเฉพาะสุนัขที่มีน้ำหนักตัวมาก อาการที่สังเกตเห็นได้คือสุนัขจะเดินขากะเผลกและแสดงอาการเจ็บที่ขาหลังขณะเดินหรือขณะลุกยืน ปัญหานี้สามารถป้องกันได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและควบคุมอาหาร 

 

     • โรคลูกสะบ้าเคลื่อน (Patellar luxation) หรือบางครั้งเรียกว่าโรคข้อเข่าเคลื่อน โดยส่วนใหญ่โรคนี้มักเกิดในสุนัขพันธุ์เล็ก การที่ลูกสะบ้าเคลื่อนหรือหลุดออกจากเบ้า ทำให้สุนัขมีอาการเจ็บที่ขาหลัง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ข้อเข่าเกิดการอักเสบตามมาได้ เช่นเดียวกับโรคข้อสะโพกเสื่อม นั่นคือโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และควบคุมอาหารเพื่อลดการสะสมของไขมันในร่างกาย 

 

     • โรคขี้เรื้อนชนิดเปียก (Demodicosis) โรคขี้เรื้อนชนิดเปียกเกิดจากไรขี้เรื้อน (Demodex) ซึ่งอาศัยอยู่ในรูขุมขนของสุนัข อาการส่วนใหญ่จะพบว่าสุนัขมีรูขุมขนอักเสบและคันมาก รวมถึงอาการผื่นแดงอักเสบ โรคขี้เรื้อนชนิดเปียกอาจเกิดเฉพาะจุด โดยเฉพาะบริเวณหัว หน้า และเท้า หรือเกิดการอักเสบทั่วทั้งตัวได้ 

 

     • โรคระบบทางเดินหายใจและพบได้บ่อยในกลุ่มสุนัขพันธุ์หน้าสั้น เนื่องจากสุนัขเหล่านี้มีโครงหน้ากว้างและจมูกสั้น จึงทำให้ทางเดินหายใจแคบ รวมถึงเพดานอ่อนยาวจนไปปิดทางเดินหายใจ จึงเป็นสาเหตุให้สุนัขกลุ่มนี้หายใจเสียงดังและนอนกรน และเมื่อมีการออกกำลังกายหนัก ๆ อาจทำให้หายใจไม่ทัน เนื่องจากอากาศถ่ายเทไปยังปอดไม่สะดวก 

 

ความต้องการด้านสารอาหารของสายพันธุ์บูลด็อก

สุนัขบูลด็อกเป็นสุนัขขนาดกลาง ที่สามารถเกิดภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนได้ง่ายมาก ซึ่งทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อตามมา จึงจำเป็นต้องมีการควบคุมอาหารและควรเลือกให้อาหารที่มีโภชนาการที่ครบถ้วน ดังต่อไปนี้

     • พลังงาน เช่น ควรเลือกอาหารที่มีปริมาณพลังงานสอดคล้องกับความต้องการของสุนัขในแต่ละช่วงวัย นอกจากนี้ยังควรพิจารณาเลือกวัตถุดิบที่มาจากแหล่งโปรตีนคุณภาพดีเพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ และควรลดการให้อาหารที่มีไขมันสูงมาก เพื่อลดการสะสมของไขมันในร่างกาย ที่อาจเป็นสาเหตุให้สุนัขน้ำหนัก เกินเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาเรื่องกระดูกและข้อต่อ

     • วิตามิน แร่ธาตุ และสารเสริมอื่น ๆ ถือเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการช่วยเสริมสร้างให้สุนัขมีโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อที่แข็งแรง และช่วยลดการอักเสบบริเวณข้อต่อ และสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย

     • กรดไขมัน เช่น โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ที่มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบ เช่น การอักเสบของข้อ ทั้งยังสำคัญต่อบำรุงขนและผิวหนังอีกด้วย ดังนั้นจึงควรเลือกอาหารที่ประกอบด้วยกรดไขมันเหล่านี้ในปริมาณที่เพียงพอต่อสุนัขในแต่ละช่วงวัย

 

การดูแลขนและสุขภาพเบื้องต้นของสายพันธุ์บูลด็อก

การดูแลขนของสุนัขบูลด็อกเป็นเรื่องง่ายมาก ด้วยความที่ขนสั้นมากจึงไม่จำเป็นต้องแปรงขนทุกวัน อาจแปรงขนสุนัขบูลด็อกทุก 2 สัปดาห์ เพื่อกำจัดขนที่ตายแล้วรวมทั้งเป็นการนวดผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างน้ำมันบำรุงขน และถึงแม้ว่าสุนัขบูลด็อกจะมีขนที่สั้นแต่พวกเขาก็มีการผลัดขนเช่นกัน แต่อาจไม่มากเท่ากับสุนัขสายพันธุ์ที่มีขนยาว

สุนัขบูลด็อกเป็นสุนัขที่มีกลิ่นเฉพาะตัว โชคร้ายที่พวกเขาไม่ค่อยชื่นชอบการอาบน้ำ โดยปกติแล้วจะนิยมอาบน้ำทุก 2 สัปดาห์หรือเมื่อตัวสกปรกมาก สุนัขบูลด็อกอาจมีข้อดีตรงที่มีขนสั้น จึงแห้งได้ไวหลังการอาบน้ำ แต่ต้องไม่ลืมในส่วนของผิวหนังที่ยับย่นโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ต้องมั่นใจว่าแห้งสนิท เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรคตามมา

การดูแลสุขภาพและความสะอาดพื้นฐานอื่น ๆ เช่น สุขภาพช่องปาก การแปรงฟัน การล้างหู การตัดเล็บควรทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง นอกจากนี้ใบหน้าและผิวหนังที่ยับย่น ทำให้สุนัขบูลด็อกมีพื้นที่ในการสะสมสิ่งสกปรกและเชื้อโรคมาก ดังนั้นควรมีการเช็ดทำความสะอาดทุกวัน หรือให้ดีที่สุดคือทุกครั้งหลังมื้ออาหารเพราะสุนัขพันธุ์นี้จะมีน้ำลายยืดและไหลย้อยแทบตลอดเวลา  เจ้าของจึงควรเตรียมผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดบริเวณปากและจมูกหลังมื้ออาหาร หรือขณะที่น้ำลายไหลออกมามาก

 

การอยู่ร่วมกันกับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

บูลด็อกส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องการอยู่ร่วมกับใคร พวกเขาสามารถปรับตัวเป็นเพื่อนของทุกคนได้อย่างดี โดยเฉพาะคนในครอบครัวรวมถึงกับคนแปลกหน้า และยังรวมถึงระหว่างสุนัขและสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นอีกด้วย แต่ข้อควรระวังคือบางครั้งสุนัขบูลด็อกอาจแสดงอาการก้าวร้าวได้ เนื่องจากอาการหวงของ แต่ปัญหานี้ป้องกันได้ไม่ยากด้วยการฝึกฝนตั้งแต่สุนัขยังเด็ก หรืออาจบอกสมาชิกในครอบครัวว่าไม่ให้ไปรบกวนสุนัขโดยเฉพาะเวลากินอาหาร

 

ผู้เลี้ยงที่เหมาะกับสายพันธุ์บูลด็อก

     • เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสุนัขที่มีรูปร่างแข็งแรงกำยำ นิสัยสงบเงียบและไม่ค่อยเห่า

     • สามารถเลี้ยงในบ้านที่มีพื้นที่น้อยได้ แต่เจ้าของควรมีเวลาพาออกไปเดินเล่นเป็นประจำ

     • เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ

     • เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบดูแลเรื่องขนสุนัข ทั้งการแปรงขนหรืออาบน้ำ แต่ในทางกลับกันคุณต้องรับมือกับเรื่องน้ำลายและการดูแลความสะอาดบริเวณใบหน้าแทน

     • สามารถเลี้ยงรวมกับสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ แมว หรือสัตว์เลี้ยงประเภทอื่นได้อย่างไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ตามสุนัขสายพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ เพราะสายพันธุ์นี้ต้องการความสะอาด และไม่ค่อยชอบกิจกรรมกลางแจ้งเหมือนกันสายพันธุ์อื่นๆ

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Purina PRO PLAN