โป๊ะแตก ครูหนุ่ม รับกุเรื่องร่อนทอง

ครูหนุ่มร่อนทองในคลองชลประทานโป๊ะแตก จริงๆแล้วไม่ใช่ครู รับกุเรื่องร่อนทองขึ้นมา เพื่อสร้างกระแสอยากดัง โดยอาจมีใครวางแผนการเอาไว้ให้

 

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และข้อความพูดว่า "I ออนโลน ไทยรัฐ จับโป๊ "ครหนุ่ม" ครูโพสต์เฟชฯ ขำๆ เจอทองในคลองชลประทาน LPIECE ครูโยนพระลงคลองเอง ชาวบ้านนึกว่าขุดได้ ครู่ไม่ใช่ครู เป็นพ่อค้าขายของที่ตลาด และรับเลี้ยงเด็ก ครูไม่ได้ชื่อหนุ่ม แต่ชื่อ จอน ครูยอมรับผิด ขอโทษรู้เท่าไม่ถึงการณ์"

 

จากกรณี ครูหนุ่ม หรือ นายกรภัทร พรของแม่ อายุ 33 ปี อาชีพครูปฐมวัย โพสต์โชว์ “ทองนพคุณ” ที่ร่อนได้ในคลองชลประทาน หมู่ 4 อ.เมือง หลังสนามกอล์ฟดอนแจง ใกล้คอกม้า พร้อมได้นำทองที่ร่อนได้ไปตรวจสอบกับทางร้านทอง ซึ่งระบุเป็นทองจริง ยิ่งสร้างความแตกตื่นจนทำให้ชาวบ้านจากจังหวัดราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ต่างพาอุปกรณ์มาร่อนทองกันเป็นจำนวนมาก จนทางภาครัฐต้องลงมาตรวจสอบ พร้อมสั่งปิดพื้นที่บริเวณคลองชลประทาน หลังสนามกอล์ฟดอนแจง เพื่อห้ามไม่ให้ชาวบ้านมาร่อนทอง เนื่องจากเกรงจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเข้าข่ายกระทำความผิด พ.ร.บ.แร่ ดังมีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

 

ต่อมาเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (27 ม.ค.) นายวรพล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ชาว ต.วัดเพลง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมขายของภายในตลาดนัดกับทางครูหนุ่มมากว่า 2 ปี ได้ออกมาเปิดเผยกับทางผู้สื่อข่าวว่า ทางครูหนุ่ม หรือนายจอน กุเรื่องร่อนทองจนเจอทองและพระเครื่องขึ้นมา เพื่อสร้างกระแสอยากดัง โดยอาจมีใครวางแผนการเอาไว้ให้

 
 

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. นายกรภัทร พรของแม่ หรือครูหนุ่ม ได้ออกมายอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องราวทั้งหมด เขาเป็นคนกุเรื่องขึ้นมา แต่มีคนอยู่เบื้องหลัง โดยครูหนุ่มบอกว่า ความจริงแล้วทองที่เขานำเอามาโชว์ เป็นทองที่เขาหามาได้จริงๆ ในคลองชลประทานดอนแจง โดยเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปหาหอยที่คลองดังกล่าว แต่เผอิญเหลือบไปเห็นทองคำ เลยหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นทองจริงๆ เลยตัดสินใจกลับไปที่บ้านแล้วไปเอาเครื่องตรวจจับโลหะมาค้นหา ปรากฏว่าไปเจอพวกเศษทองรูปพรรณเพิ่มอีกหลายเม็ด เลยนำกลับมาที่บ้าน แล้วถ่ายรูปเก็บไว้ หลังจากนั้นวันที่ 15 ม.ค.จึงนำรูปดังกล่าวโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว

 

 

ต่อมาปรากฏเป็นข่าว จากนั้นมาจึงทำให้ชาวบ้านหลายคนแห่ไปร่อนทองที่คลองชลประทานดังกล่าว ส่วนกรณีที่ชาวบ้านเจอพระเครื่องในคลอง เขาเองยอมรับว่า เป็นคนเอาพระกับเหรียญเก่าๆ ไปโยนไว้ในคลองตั้งแต่วันที่ 9 เพียงแค่หวังว่าหากชาวบ้านไปเจอจะได้มีความชื่นใจ

 

ครูหนุ่ม บอกอีกว่า หลังจากที่เขานำเรื่องราวไปโพสต์ มีบุคคลคนหนึ่งในจังหวัดราชบุรีที่อ้างตัวเองว่าเป็นผู้สื่อข่าวประจำจังหวัด อักษรย่อ “ป” ติดต่อเข้ามาทันที โดยผู้สื่อข่าวคนนี้เข้ามาบอกให้เขาสร้างเรื่องราวต่อ โดยให้โกหกว่ามีคนขับสิบล้อมาชี้จุดให้ ซึ่งคนขับรถสิบล้อเขาก็จัดฉากขึ้นมา ก่อนจะบอกตนลงไปเจอทอง เพื่อที่จะได้สร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมทั้งพาเขาไปออกรายการ แต่ปรากฏว่าสุดท้ายถูกนักข่าวคนนี้โกงค่าตัวเขาไป 1 หมื่นบาท จึงทำให้เขาตัดสินใจออกมายอมรับความจริงกับสื่อในวันนี้ ส่วนคนขับรถสิบล้อ เขาก็จัดฉากขึ้นมา

 

 

ส่วนเรื่องประวัติของตน ยอมรับว่า ตนนั้นไม่ได้มีอาชีพครู หรือว่ารับเลี้ยงเด็กตามที่กล่าวอ้างไป แต่ความจริงแล้วเขาประกอบอาชีพขายกุญแจตามตลาดนัด ซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยจนถึงปีที่ 3 ตนได้ลาออกมาประกอบอาชีพขายของตามตลาดนัด บวกกับตนนั้นเป็นคนชอบสะสมอัญมณี หรือพวกหินแปลกต่างๆ ทำให้หลายคนเข้าใจว่าตนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านอัญมณี จึงนิยมเรียกตนว่า “ครูหนุ่ม”

 

ตนยอมรับว่า ตนนั้นเคยเป็นผู้ป่วยทางจิต โดยเฉพาะหลังจากลาออกจากการเรียนระดับมหาวิทยาลัย ตนกลายเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า พยายามรักษาตัวเองมาโดยตลอด แต่ในช่วงระยะหลังไม่ได้เข้ารับการรักษา

 

“ซึ่งต้องกราบขอโทษชาวราชบุรีทุกคนที่แห่กันไปร่อนทอง รวมทั้งขอโทษส่วนราชการทุกส่วนที่ทำให้เดือดร้อน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงใคร เกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์” ครูหนุ่มกล่าว

 

 

ขณะที่ นายวรพล เพื่อนครูหนุ่มที่ออกมาแฉเรื่องราวของครูหนุ่มเมื่อวาน บอกว่า หลังจากที่มีข่าวออกไป ตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้ครูหนุ่มรีบติดต่อมาทางเขาทันที โดยเขาเองได้บอกให้ครูหนุ่มออกมายอมรับความจริงทั้งหมด

 

ด้านนายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมืองราชบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับฟังคำสารภาพจากครูหนุ่มแล้ว ว่าไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด มีจริงบ้างเท็จบ้างปะปนกันไป เป็นความคึกคะนอง แต่เท่าที่ดูมันเป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ อาจผิด พ.ร.บ.คอมฯ ต้องไปดูรายละเอียดกันก่อน ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจ โดยตนได้ประสานจนท.มาตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะสร้างความวุ่นวายกันไปหมด ยิ่งในสถานการณ์ที่มันไม่ปกติแบบนี้ อาจเกิดการติดเชื้อติดโรคกันได้

 

“เมื่อมาสารภาพถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อยากให้สังคมรับรู้และใช้วิจารณญาณกันมากๆ ไม่ว่าจะจริงจะเท็จ เวลาจะเสพข้อมูลข่าวสารอะไร ส่วนบริเวณคลองชลประทาน ตอนนี้คนลดน้อยลงไป ถ้าหากรู้ความจริงกันแล้วคิดว่าน่าจะกลับสู่สภาวะปกติ ส่วนเรื่องความผิด ต้องดูองค์ประกอบความผิดอย่างละเอียดว่าเข้าข่ายลักษณะที่ไปทำให้ผู้ใดเสียหายหรือเปล่า และผู้ให้ข่าวได้รับประโยชน์อะไร มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องเป็นหน้าที่ตำรวจที่จะต้องสอบสวนเอาข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมายมาปรับดู ถ้าเข้าข่ายก็ต้องดำเนินคดีให้เป็นแบบอย่าง จะได้ไม่มีเรื่องลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก” นอภ.เมืองราชบุรี กล่าว.

 

 

 

ขอบคุณ ไทยรัฐ