เคสแรกของประเทศ กระทรวงยุติธรรม ยอมจ่ายเยียวยาเกือบ 5 แสนบาท ให้สาวสุรินทร์ แพะคดียาเสพติด ติดคุกฟรีอยู่ 21 เดือน คดีซ้อนท้ายรถ จยย.แฟนไปตลาดนัด ไม่รู้ว่าแฟนไปส่งยาบ้า 41 เม็ด ตำรวจ-อัยการสั่งฟ้องคดีร่วมกันค้ายาเสพติด ทั้งที่ตัวการยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง ติดคุกฟรีอยู่ 21 เดือน เตรียมได้รับเงิน 472,245 บาท เข้าบัญชีไม่เกินวันที่ 9 เม.ย.นี้ ถือเป็นเคสแรกในประเทศไทย เพราะเป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติด
จากกรณี น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร อายุ 25 ปี หลังศาลฎีกา มีคำพิพากษาตัดสิน น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ในคดียาเสพติด (ยาบ้า) ถึงแม้จะได้รับอิสรภาพแล้วก็ตาม สภาพจิตยังคงอยู่ในอาการย่ำแย่ เนื่องจากต้องถูกคุมขังในเรือนจำเป็นเวลานาน โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้ออกจากเรือนจำวันไหน ซึ่งครอบครัวและญาติพี่น้องบอกว่า น.ส.สุพรรณษา มีสภาพจิตใจที่เปลี่ยนไปมาก หลังได้รับอิสรภาพกลับมา พบว่าอยู่ในอาการซึมเศร้า ไม่ค่อยพูดค่อยจา ต่างจากเมื่อก่อนที่เป็นคนร่าเริง ซึ่งทางครอบครัวอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลสภาพจิตใจและเยียวยาในสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับผู้บริสุทธิ์ด้วย
คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2561 น.ส.สุพรรณษา ซ้อนรถจักรยานยนต์กับแฟนหนุ่ม คือ นายศุภกิจ นิยมสวน ในตอนนั้นอายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 ม.4 ต.สำโรง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่คบกันได้ไม่กี่เดือน เพื่อไปทำธุระ แต่แฟนหนุ่มกลับพาไปส่งยาบ้า 41 เม็ดให้กับสายตำรวจที่ล่อซื้อ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ซึ่งแฟนหนุ่มที่เป็นผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ จึงถูกศาลตัดสินให้จำคุก 4 ปี 6 เดือน และปฏิเสธว่า น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ครอบครัวไม่มีเงินประกันตัว จนถูกคุมขังในเรือนจำกลางสุรินทร์ฟรี กว่า 8 เดือน ระหว่างสู้คดี โดยมีนายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ อาสาเข้าไปช่วยเหลือทางกฎหมายฟรี เนื่องจากครอบครัวน.ส.สุพรรณษา มีฐานะยากจน จนศาลชั้นต้นตัดสินและได้รับอิสรภาพกลับคืนมา และต่อมาอัยการได้ยืนอุทธรณ์ฟ้องต่อ โดยศาลอุทรณ์ตัดสินมีความผิด สั่งลงโทษจำคุก 5 ปี 12 เดือน และปรับเงิน 5.6 แสนบาท ถ้าไม่มีเงินให้กักขังแทนเงินค่าปรับ
ต่อมานายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสา ได้ทำเรื่องขออนุญาตฎีกา และศาลสุรินทร์ได้รับคำร้องส่งให้ศาลฎีกาและศาลฎีการับไว้พิจารณาคดีนี้ โดยระหว่างที่ศาลฎีการับเรื่อง น.ส.สุพรรณษา ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำตั้งแต่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา เนื่องจากไม่มีเงินประกันตัว ระหว่างที่สู้ในชั้นฎีกา ท้ายสุดศาลฎีกามีดุลยพินิจตามพยานหลักฐานอ่านคำพิพากษาตัดสินยกฟ้อง ว่าจำเลยไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิด เมื่อวันที่ 28 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งน.ส.สุพรรณษา ต้องติดคุกระหว่างต่อสู้ในชั้นฎีกา 13 เดือน รวม 2 ครั้งเป็นเวลา 21 เดือน
ทั้งนี้นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสา พร้อมด้วยนางพัชรพร บำเพ็ญเพียร อายุ 53 ปี ผู้เป็นแม่ของ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร อายุ 25 ปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีนี้ ได้เดินทางเข้ายื่นคำร้องขอเงินเยียวยาตาม พ.ร.บ.ช่วยเหลือ ผู้ต้องหาของกระทรวงยุติธรรม โดยมีนายโยธิน บัวแก้ว ผอ.ยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ ได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อรับเรื่องเพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาโดยจะนำเรื่องคำร้องขอรับการเยียวยาช่วยเหลือส่งให้คณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บ้านของ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร อายุ 25 ปี เลขที่ 77 ม.6 บ.โคกเพชร ต.ตระแสง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายอาสา ที่ให้การช่วยเหลือในเรื่องคดีดังกล่าว ได้นำหนังสือคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ลงวันที่ 25 มี.ค.64 มาแจ้งกับ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร และนางพัชรพร บำเพ็ญเพียร แม่ของน.ส.สุพรรณษา รับทราบ หลังคณะกรรมการพิจารณา จ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายให้แก่ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร
โดยแยกเป็นค่าทดแทนการถูกคุมขัง เป็นจำนวนเงิน 283,500 บาท และค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ฯ จำนวน 188,745 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 472,245 บาท พิจารณาตามความในมาตรา 8 มาตรา 15 และมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30 วรรคหนึ่ง และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 ข้อ 6 (3)
นางพัชรพร บำเพ็ญเพียร แม่ของ น.ส.สุพรรณษา กล่าวว่า ตนขอบคุณและดีใจที่ทางยุติธรรมจ่ายค่าทดแทนให้กับลูกสาว ขอขอบคุณสื่อที่นำเสนอข่าว และขอขอบคุณท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ช่วยเร่งรัดเรื่องให้ รวมถึงลุงสนธิ ลิ้มทองกุล และทนายคำสิงห์ ด้วย ถ้าไม่ได้ทุกท่านเข้ามาให้การช่วยเหลือคงไม่มีวันนี้ ส่วนสภาพจิตใจของลูกสาว ตอนนี้ก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าดีขึ้น
ขณะที่ น.ส.สุพรรษา ก็ได้กล่าวขอบคุณสื่อต่างๆ ที่ให้การช่วยเหลือตนในครั้งนี้ โดยเฉพาะคุณลุงสนธิ พร้อมทั้งอาหมี ช่องวัน และท่านทนายคำสิงห์ ด้วย และพอใจกับค่าทดแทนที่ทางยุติธรรมจ่ายชดเชยให้
ด้านนายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสาที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวถือว่ายังไม่มีใครเคยได้รับเงินเยียวยา เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวไป ซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ก็ดีใจที่ทางสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้ช่วยกันนำเสนอจนไปถึงท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัย ได้ทดแทนเงินเยียวยาให้กับจำเลยคือน้องแนน เคสนี้ถือว่าเป็นเคสแรกของประเทศก็ว่าได้ ส่วนจะเป็นบรรทัดฐานให้กระทรวงยุติธรรมได้เยียวยาเคสอื่นๆ ทั่วประเทศไทยนั้น เป็นไปได้มากน้อยเพียงใดก็เป็นเรื่องของกระทรวงยุติธรรมที่จะพิจารณาต่อไป โดยเงินทดแทนจะเข้าบัญชีภายในต้นเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ คดีนี้ก็ต้องขอขอบคุณรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยให้การเยียวยาแก่น้องแนน ขอขอบพระคุณ ณ โอกาสนี้
ขอบคุณไทยรัฐ/pptv/ผู้จัดการ