หลี่แช ฟาดยับเรื่องเฟคนิวส์ พร้อมยืนยัน ตัวเองไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม ต้องตั้งคำถามให้สังคม เพราะเป็นหน้าที่สื่อ
จากกรณีที่นางสาวทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวถึงกรณีที่มีภาพคล้ายผู้ป่วยโควิด 19 นอนเสียชีวิตกลางถนนว่า บางกรณีอาจจะสงสัยว่าเป็นการรับจ้างไปนอนล้ม เพื่อดิสเครดิตรัฐบาลหรือสร้างเฟกนิวส์ พร้อมชี้แจงถึงบทลงโทษว่ามีโอกาสติดคุกหลายปี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับลูก ออกมาเตือนว่า คนสร้างเฟกนิวส์คนตายบนถนน เป็นการทำให้คนแตกตื่น ถือว่ามีความผิดและมีโทษจำคุก โดยเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชน เพราะเป็นการข่มขู่และดูถูกอย่างชัดเจน
ล่าสุด วันที่ 1 สิงหาคม 2564 โลกออนไลน์มีการแชร์คลิปข่าวที่หลี่แช วิยดา พีรรัฐกุล ผู้ประกาศข่าวช่อง 8 ซึ่งได้รับความสนใจมากถึง 2.6 หมื่นแชร์ โดยในคลิปนั้น หลี่แช วิยดา ก็พูดแทนใจคนไทยหลายประเด็น น้ำเสียงดุเดือดเอาเรื่องมาก ดังนี้
ทำไมรัฐบาลถึงมีเครดิตฝั่งเดียว และคิดว่าประชาชนจะดิสเครดิต ประชาชนไม่มีเครดิตเหรอคะ ประชาชนมีเครดิตเท่ากับรัฐบาลนะ แต่ตอนนี้รัฐบาลพยายามดิสเครดิตคนไทยให้กลายเป็นคนอนาถาหรือเปล่า เรามีสิทธิ์มีเสียงเท่ากัน
ประเด็นสำคัญคือ การจัดฉากมาจากปากผู้หญิงคนเดียวจากฝั่งรัฐบาล แต่ที่น่าตั้งคำถามคือ ทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงต้องออกแอ็กชั่นว่าจะจับขนาดนี้ ส่วนกระทรวง DES ก็ออกมารับลูกด้วยว่าจะจับปรับคนที่ก่อเฟกนิวส์
ทีนี้ความหมายของข่าวปลอมคืออะไร ข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ คือ ข่าวที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง หรือข่าวที่อาจจะมีจริงบ้างเท็จบ้าง เข้าข่ายบิดเบือนอันนี้ก็คือ เฟกนิวส์ ซึ่งในฝั่งรัฐบาลเองก็เคยออกมาให้ข่าวเรื่องนโยบาย แต่ไม่ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน แบบนี้เข้าข่ายบิดเบือนหรือเปล่า ? ถ้าจะจับเฟกนิวส์ ต้องเท่าเทียม
“อีกหนึ่งเหตุการณ์คือ ถ้าเสียงผู้หญิงคนนั้นบอกว่าจัดฉาก ดังมากขนาดนั้น ทำไมเสียงประชาชนถึงเบาได้ขนาดนี้ คนตายในบ้าน คนรอในบ้าน ร้องออกไปทำไมไม่มีใครได้ยิน มีแต่ภาคประชาชนอาสาช่วยเหลือกัน” หลี่แช วิยดา กล่าวอย่างดุเดือด
หลี่แช วิยดา โพสต์เปิดใจ
คลิปข่าวของหลี่แช วิยดา ทำให้คนสนใจมาก จนเธอออกมาโพสต์เปิดใจเรื่องนี้ว่า เสียงที่เริ่มดัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอสะท้อนปัญหาในฐานะสื่อ หากใครที่เป็นแฟนข่าวของเธอ จะรู้ว่า เธอพูดทุกครั้งและพูดมานานเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล และคำพูดของผู้บริหารที่ไม่ชัดเจน
“การตั้งคำถาม และหาข้อมูลเพื่อตรวจสอบ คือหน้าที่สื่อค่ะ”
เธอยอมรับว่า เธอไม่เป็นกลาง แต่เธอเป็นธรรมกับคนในข่าว และที่สำคัญที่สุดเรื่องปัญหาโควิด ประชาชนต้องได้รับความเป็นธรรม และเสียงนักข่าวดังกว่าประชาชน การพูดความจริง คือหน้าที่ของเรา คือสิ่งที่เราควรทำ ไม่ต้องใช้ความกล้าอะไร
ส่วนผู้ใหญ่ของช่อง ก็ไม่เคยห้ามเราว่าห้ามพูดอะไร เพราะผู้ใหญ่ไว้ใจ อีกทั้งช่องให้อิสรภาพทางความคิดบนความถูกต้อง และช่องจะอยู่เคียงข้างประชาชน เป็นทั้งสื่อ ทั้งบันเทิง และขายของ หลังจากนี้เธอจะทำหน้าที่ของเธอต่อไป ไม่ต้องกังวล