สรุปเหตุการณ์หนุ่มจี้รถเมย์สาย 8 พร้อมเผยปมก่อเหตุ เจ้าตัวแจ้งสาเหตุที่ทำเนื่องจากความเครียดปัญหาส่วนตัว ตกงานในช่วงโควิด ทั้งนี้ จากการตรวจปัสสาวะเบื้องต้นผลการตรวจเป็นบวก
จากกรณี คนร้ายจี้ตัวประกัน บริเวณแฮปปี้แลนด์สาย 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. โดยคนร้ายจับตัวประกันอยู่บน รถเมล์สาย 8 ซึ่งจอดอยู่กลางถนนดังกล่าว เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นานหลายชั่วโมง กระทั่ง เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 บุกเข้าชาร์จเพื่อควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้สำเร็จ ขณะที่แม่ของผู้ก่อเหตุกำลังเกลี้ยกล่อมอยู่ ก่อนควบคุมตัวไปสงบสติอารมณ์ที่ สน.ลาดพร้าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.64 เวลาประมาณ 21.30 น. เกิดเหตุคนร้ายจี้ตัวประกัน บริเวณแฮปปี้แลนด์สาย 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. โดยคนร้ายจับตัวประกันอยู่บนรถเมล์ สาย 8 คนร้ายขึ้นมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จ่ายเงินตามปกติ แล้วไปนั่งที่เบาะหลังสุด พอมาถึงแฮปปี้แลนด์ผู้โดยสารนลงรถหมดแล้ว แต่คนร้ายไม่ลง คนขับจึงบอกว่าสุดสายแล้วขอให้ลงจากรถ แต่คนร้ายกลับชักปืนออกมาขู่แล้วบังคับให้ขับกลับไปอนุสาวรีย์ฯ โดยคนร้ายบอกว่า เกลียดตำรวจ ตำรวจไม่เห็นใจประชาชน และกระเป๋ารถเมย์ยังถูกคนร้ายเอาปืนตบเข้าที่ท้ายทอย ก่อนอาศัยช่วงจังหวะเผลอพากันกระโดดหนีออกมาได้
เมื่อเวลา 24.00 น. ของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับวางแผนเข้าควบคุมตัวคนร้าย ขณะที่ ผกก.สน.ลาดพร้าว อยู่ระหว่างเจรจา หลังจากนั้นแม่ของผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาเจรจากับลูกชายที่ยังอยู่บนรถเมล์ โดยแม่พยายามพูดกล่อมให้ลูกใจเย็นลง รวมทั้งเตือนสติและให้ยอมลงมาจากรถเพื่อมอบตัว
กระทั่งเวลา 01.56 น. ระหว่างที่ผู้เป็นแม่กำลังล่อมลูกชายอยู่นั้น เจ้าหน้าที่อีกชุดก็เข้าดำเนินการบุกเข้าชาร์จเพื่อควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้สำเร็จ โดยไม่มีใครเป็นอันตรายแต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านในละแวกดังกล่าวต่างดล่งใจและดีใจที่เหตุการณ์จบลงด้วยดี จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสงบสติอารมณ์ ที่ สน.ลาดพร้าว ก่อนดำเนินการต่อไป
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายพีรณัฐ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี และจาการตรวจค้นรถคันที่เกิดเหตุ พบชอาวุธลักษณะคล้ายปืนพกสั้น สีดำ 1 กระบอก บริเวณเบาะที่นั่งบนรถประจำทางฝั่งขวาด้านหลัง ซึ่งนายพีรณัฐได้วางไว้บนเบาะก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม
จากการสอบถาม นายพีรณัฐ ให้การรับสารภาพ โดยยอมรับว่าตนได้ใช้อาวุธลักษณะคล้ายปืนพกสั้น ข่มขู่นายสายัณห์ ซึ่งเป็นคนขับรถประจำทาง และ น.ส.นวลพรรณ เป็นกระเป๋ารถประจำทางจริง ส่วนสาเหตุที่ทำเนื่องจากความเครียดปัญหาส่วนตัว ตกงานในช่วงโควิด ทั้งนี้ จากการตรวจปัสสาวะเบื้องต้นผลการตรวจเป็นบวก จึงนำปัสสาวะของนายพีรณัฐไปตรวจเพื่อยืนยันผลอีกครั้งที่โรงพยาบาลลาดกระบัง ผลการตรวจพบว่า มีสารเสพติดในปัสสาวะของนายพีรณัฐจริง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า หน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดๆ โดยใช้อาวุธ, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน ) โดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับวัตถุคล้ายอาวุธปืน ทางพนักงานสอบสวนจะได้ส่งไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน มาเป็นอาวุธปืนจริงหรือไม่ เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ซึ่งได้ลงพื้นที่ควบคุมสั่งการ พร้อมนำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ อรินทราช 26 เข้าประเมินสถานการณ์ วางแผนการปฏิบัติเพื่อป้องกันเหตุอันตราย หากการเจรจาไม่เป็นผล เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายพีรณัฐ เป็นลูกจ้างชั่วคราว โดยให้การว่า ตอนนี้ตกงาน มีความเครียดเรื่องปัญหาส่วนตัวและมีปัญหาเรื่องการเงิน ส่งผลกระทบในการใช้ชีวิต
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวต่อว่า โดยคนร้ายได้มีข้อเรียกร้องเกี่ยวกับทางการเมืองแต่รายละเอียดอยู่ในสำนวนการสอบสวน ส่วนคนร้ายได้ร่วมชุมนุมด้วยหรือไม่นั้นยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคนร้ายได้เดินทางมาจากอนุสาวรีย์ชัยฯโดยไม่ได้ก่อเหตุยิงใครแต่อย่างใด มีอาวุธปืน 1 กระบอกอยู่ระหว่างส่งตรวจสอบ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่ามีประวัติอาชญากร มีหมายจับในคดีชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ท้องที่ สน.บางซื่อ ก่อเหตุเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2564 ได้เงินไป 8,000 บาทฃ
ขอบคุณ ข่าวสด/ไทยรัฐ