จ้าวเหว่ย (Zhao Wei) ดาราจีนที่ได้คนไทยรู้จักอย่างแพร่หลายจากเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ ถูกรัฐบาลจีนตามลงดาบ
เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา มีแฟนคลับชาวเน็ตจีนสังเกตว่า จู่ๆ ผลงานของจ้าวเหว่ย ก็ถูกลบหายวับไปจากโลกโซเซียลมีเดียจีนในชั่วข้ามคืน ซึ่งถ้าเอาชื่อ “จ้าวเหว่ย – 赵薇” ไปค้นหา จะไม่เจอผลงานของเธอในทุกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของจีน อาทิ tencent , iQIYI , Youku รวมถึงผลงานฮิตที่สร้างชื่อให้เธออย่าง “องค์หญิงกำมะลอ” และ “มนต์รักในสายฝน” ก็ถูกลบออกไปด้วย และรวมถึงผลงานเพลงโฆษณา ทำเนียบรายชื่อรางวัลต่างๆ ที่เธอเคยได้รับก็ถูกลบออก ราวกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
ทั้งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจ้าวเหว่ย เพราะทางการจีนไม่ได้ออกมาแถลงข่าวใดๆ ชึ่งหากเธอทำผิดกฎหมายก็น่าจะบอกสาเหตุที่แบนผลงานเธอ เช่นว่า เธอหลบเลี่ยงภาษี หรือมีพฤติกรรมอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย เหมือนกรณี “ฟ่าน ปิงปิง” ซึ่งฟ่าน ปิงปิง ก็ยังไม่ถูกลบผลงานจนหายไปขนาดนี้ ซึ่งเรื่องการหายตัวไปของจ้างเหว่ยนี้สร้างข้อกังขาให้ชาวโซเชียลจีนเป็นอันมาก จนมีคนตั้งข้อสมมุติฐานว่าสาเหตุการหายตัวไปของเธอน่าจะมา 2 เรื่อง
เรื่องแรกการทำธุรกิจของเธอกับสามี
“จ้าวเหว่ย” นั้นได้ชื่อว่าเป็น ดารา นางแบบ โปรดิวเซอร์ ผกก. และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เธอได้รับการจัดอันดับจากนิยตสาร Forbes ในปี ค.ศ.2014 ว่าเป็นนักแสดงหญิงที่รวยที่สุดในโลก ประมาณการว่าเธอมีทรัพย์สินราวๆ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”
และต่อมาเธอยังเข้ารวมทุนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในอาลีบาบาพิคเจอร์กรุ๊ปของ “แจ็คหม่า” อีกด้วย แต่การลงทุนของเธอ กลับนำมาซึ่งคดีความ ในข้อหา “ปั่นหุ้น” เธอตกเป็นเป้าหมายของคดีฟ้องร้องโดยนักลงทุน 67 ราย ที่เรียกร้องค่าชดเชย 50 ล้านหยวน (7.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพื่อชดเชยการครอบครองกิจการที่ผิดจรรยาบรรณในปี ค.ศ.2016 เธอและสามีของเธอถูกสั่งห้ามไม่ให้มีสิทธิ์ดำเนินการใดๆ ในตลาดหลักทรัพย์ของจีน เป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเคยละเมิดกฎของตลาดหลักทรัพย์
เรื่องที่สอง เธอเคยใส่เสื้อรูป ” ธงอาทิตย์อุทัย ” เดินแบบเมื่อ 20 กว่าปีก่อน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในฤดูร้อนปี ค.ศ.2001 ที่เมืองนิวยอร์ก อเมริกา และรูปนี้ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่โดย นิตยสาร 《时装》-แฟชั่น ฉบับ 9 ก.ย. ปี ค.ศ.2001 และถูกแชร์ไปตามเว็บไซต์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว
โดยเครื่องหมาย ธงอาทิตย์อุทัย นี้เป็นเครื่องหมายประจำชาติของญี่ปุ่น ที่ชาวญี่ปุ่นใช้มานาน 100 กว่าปีแล้ว และปัจจุบันก็ยังมีการใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลาย แต่ปัญหาคือ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น และ กองเรือราชนาวีญี่ปุ่น ได้ใช้ธงนี้เป็นสัญลักษณ์ประจำกองทัพ
ในที่สุดในปีเดียวกันนี้ จ้าวเหว่ยได้ออกมากล่าวขอโทษผ่านสื่อ ถึงเรื่องที่กระทำลงไป เธอบอกว่าไม่ว่าจะใส่ชุดอะไร เลือดในกายก็ยังเป็นคนจีน เธอรักชาติอย่างเต็มเปี่ยม แต่คำขอโทษนี้ก็ถูกมองว่าขอโทษแบบขอไปที
ส่วน ผจก. ตัวแทนของจ้าวเหว่ยออกมา บอกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของจ้าวเหว่ย เธอไม่ได้สนใจเรื่องธงอะไรนี้เลย เธอแค่ทำงาน ตามที่ได้รับมอบหมายมา สไตลิสต์ ให้เธอใส่เสื้อผ้าอะไรเธอก็ใส่ ตามงานที่ได้รับ
สิ่งที่สไตลิสต์ ผู้เลือกชุดออกมาพูดถึงกระแสเฟชั่นที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงนั้น มีมูลความจริง ในเวลานั้นกระแสชาตินิยมในจีนยังไม่รุนแรงเท่าปัจจุบันนี้ ดังปรากฏ มีผ้าพันคอลายธงอาทิตย์อุทัย วางขายอยู่ตามถนนในจีน โดยธงก็เป็นลายเดียวกันเสื้อที่จ้าวเหว่ยใส่ และมีรูปตัวอักษรจีน ที่แสดงถึงสันติภาพกำกับ อยู่ ตอนต้นทศวรรษที่ 2000 นั้น ยังไม่เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้ง เรื่องหมู่เกาะเตียวหยู (หรือญี่ปุ่นเรียกว่าเกาะ เซ็งกากุ) ความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น แนบแน่นมาก บริษัทญี่ปุ่น คือบริษัทต่างชาติที่เข้าไปลงทุนเปิดบริษัทในจีน สูงเป็นอันดับหนึ่ง ผู้นำจีนเดินทางเยือนญี่ปุ่นกันเป็นเรื่องปกติ
สื่อหลายสำนักว่ากันว่า สิ่งเกิดขึ้นกับจ้าวเหว่ย เป็นสิ่งเดียวกับที่รัฐบาลทำต่อ จางจื่อฮั่น นักแสดงในสังกัดของเธอ