ทัพเรือภาคที่ 2 ตรวจพบเรือไร้สัญชาติ ลอยเข้ามาใกล้แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล จมแล้วในทะเลใกล้ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ทัพเรือภาค 2 ชี้สาเหตุเพราะมีรอยรั่วมาก น้ำไหลเข้า ประกอบกับคลื่นลมแรง เร่งสกัดคราบน้ำมันที่ไหลออกมาหวั่นกระทบแหล่งท่องเที่ยวเกาะสมุย
วันที่ 9 ม.ค. 65 จากกรณีทางทัพเรือภาคที่ 2 ได้รับแจ้งจากบริษัทที่แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางอ่าวไทยว่า พบเรือขนาดใหญ่ไม่ปรากฏสัญชาติ ลอยลำเข้ามาในเขตน่านน้ำพื้นที่ทะเลอ่าวไทย เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา โดย พล.ร.ท.สุนทร คำคล้าย ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 (ศรชล. ภาค 2) ได้สั่งการให้เรือ ต.113 ซึ่งเป็นเรือตรวจการทัพเรือภาคที่ 2 เข้าตรวจสอบ พบว่าเรือลำดังกล่าวอยู่ในสภาพเก่า ตัวเรือมีสภาพเอียง มีรอยรั่วบริเวณตัวเรือ และมีน้ำไหลเข้าตัวเรือ แต่ไม่พบผู้ใดอยู่บนเรือลำดังกล่าว ไม่มีเอกสารบ่งชี้ได้ว่าเป็นเรือสัญชาติใด ทางเรือ ต.113 จึงได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อระบายน้ำออกจากตัวเรือ เพื่อทำการลากจูงเรือเข้าฝั่งมาตรวจสอบ
ล่าสุด พล.ร.ต.สุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 เปิดเผยว่า เรือปริศนาลำนี้ได้จมลงใต้ทะเลแล้ว เมื่อช่วงค่ำของคืนวันที่ 8 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากเรือลำนี้มีรอยรั่วหลายจุด แม้เจ้าหน้าที่ทัพเรือภาค 2 จะพยายามสูบน้ำออกจากตัวเรือ เพื่อทำการเคลื่อนย้ายเรือเข้าฝั่ง แต่ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างสะดวก เนื่องจากสภาพคลื่นลมในทะเลที่มีกำลังแรง ทำให้เรือ ร.ล.ตาปี ไม่สามารถนำเรือเข้าเทียบได้ เพราอาจจะทำให้เรือ ร.ล.ตาปี ถูกกระแทกจนเกิดความเสียหายได้
“เนื่องจากเรือลำดังกล่าวมีรอยรั่วหลายจุด น้ำที่ไหลทะลักเข้าในตัวเรือ บวกกับสภาพคลื่นลมในทะเล ทำให้เรือได้จมลงในทะเล ซึ่งจุดที่เรือจมลงอยู่ห่างจาก อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 28 ไมล์ทะเล โดยในจุดที่เรือจมมีคราบน้ำมัน เจือจาง ไม่มีความแน่นของคราบน้ำมันมากนัก คาดว่าน่าจะเป็นน้ำมันที่อยู่ในห้องเครื่อง ผสมกับน้ำมันหล่อลื่นที่ไหลออกมาจากตัวเรือ ซึ่งทางทัพเรือภาคที่ 2 ได้เร่งนำเรือทั้งในส่วนของทัพเรือภาคที่ 2 และประสานไปยังเจ้าท่านครศรีธรรมราช รวมทั้งเรือของภาคเอกชน ร่วมกันสกัดคราบน้ำมันที่ไหลออกมาจากตัวเรือหลังจากจมลง
พร้อมกันนี้ ทัพเรือภาคที่ 2 ได้ประสานไปยังบริษัทขุดเจาะน้ำมัน ในการที่จะนำทุ่นมาวางลอบจุดที่เรือจม เพื่อไม่ให้คราบน้ำมันไหลไปตามกระแสน้ำ จนทำให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติใต้ท้องทะเล และผลกระทบในพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยในเบื้องต้นพบว่ากระแสน้ำในจุดที่เรือจม ไหลมาทาง เกาะมัดสุม และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่ในทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจุดที่เรือจม ใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 วัน ทางเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจึงต้องเร่งสกัดน้ำมันแม้ว่าจะมีปริมาณที่เจือจาง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวอย่างเกาะสมุย
ในส่วนของการตรวจสอบเรือปริศนา จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถระบุชัดได้ว่าเป็นเรือสินค้าของประเทศใด แต่สภาพตัวเรือที่พบเป็นเรือสินค้าที่คาดว่าได้มีการปลดระวางแล้ว เนื่องจากเรือมีสภาพเก่ามาก และไม่มีอุปกรณ์เดินเรือใดๆ ในเรือแล้ว รวมถึงไม่มีสมอเรือด้วย อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นเร่งด่วนในตอนนี้ ทางทัพเรือภาคที่ 2 และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ต้องเร่งสกัดคราบน้ำมันที่ไหลออกมาจากตัวเรือให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบตามมา.