โซเชียลฮือฮา งานแต่งยุคใหม่ เจ้าสาวยกขันหมากสู่ขอเจ้าบ่าว บรรยากาศสุดชื่นมื่น เผยปมแก้เคล็ดผู้เฒ่าผู้แก่ ฝ่ายชายเผยก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน
วันที่ 16 ม.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆ ทั่วจ.ขอนแก่น เผยแพร่ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “อา’เเบร่ น้อย” โพสต์ภาพขบวนขันหมากงานแต่งงานที่ จ.ขอนแก่น โดยขบวนขันหมากนั้นปกติจะต้องเป็นเจ้าบ่าว แต่กลับเป็นเจ้าสาวเป็นคนสู่ขอเจ้าบ่าวแทน พร้อมข้อความระบุว่า “สินสอดลูกชายแม่ทอได่น้อจ้า เจ้าสาวยุกต์ พ.ศ.2565 แห่ขันหมากไปสู่ขอเจ้าบ่าว อยากได้ลูกชายเพินกะต้องลงทุนและหวาา” ซึ่งหลังจากผู้โพสต์โพสต์ภาพดังกล่าวก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นและแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ม.4 ต.โนนศิลา อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของเจ้าบ่าวเจ้าสาวดังกล่าว โดยพบกับ ายชรัญธร เคแสง อายุ 23 ปี เจ้าบ่าว และ น.ส.สุวนันท์ บุบผามะตะนัง อายุ 26 เจ้าสาวที่แห่ขันหมากไปขอเจ้าบ่าว ซึ่งพาผู้สื่อข่าวดูสถานที่จัดงานแต่งงาน เป็นพื้นที่โล่งกลางแจ้งและจัดงานภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด
น.ส.สุวนันท์ กล่าวว่า ตนและสามีคบกันมา 3 ปี ก่อนจะเข้าสู่ปีที่ 4 จึงตัดสินใจแต่งงาน โดยได้ฤกษ์งามยามดีวันที่ 9 ม.ค.65 แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่างและเป็นการแก้เคล็ดตามคำแนะนำของผู้เฒ่าผู้แก่ที่มองว่าตน ซึ่งเป็นฝ่ายหญิงได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านและช่วยทำงานที่บ้านเจ้าบ่าวก่อนหน้านี้มานานแล้ว จึงเหมือนว่าเป็นการแก้เคล็ด เพราะเข้ามาอยู่ก่อนแต่ง และด้วยข้อจำกัดสถานที่บ้านไม่เหมาะกับการใช้เป็นสถานที่จัดงาน เนื่องจากบริเวณแคบ ภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันโควิด-19 ตามที่ศบค.และจังหวัดกำหนด โดยเฉพาะในเรื่องของการเว้นระยะห่างของแขกที่จะมาร่วมงาน จึงปรึกษากันและพูดคุยกันเลือกใช้บ้านของเจ้าบ่าวเป็นสถานที่ในการจัดงานทั้งหมด
“เมื่อถึงวันแต่งได้ถ่ายคลิปถ่ายภาพนำมาโพสต์ลงในโซเชียล แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นกระแสขนาดนี้ ส่วนตัวและครอบครัวไม่ได้ซีเรียสอะไร ส่วนแคปชั่นก็โพสต์ขึ้นมาเล่นๆ ในส่วนของการที่ผู้หญิงจะไปสู่ขอผู้ชายนั้น ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องผิด เพราะโลกสมัยนี้มันเปิดกว้างกว่าอดีตที่ผ่านมา เพราะมองว่าเป็นเรื่องของคนสองคนและคนในครอบครัว โดยเฉพาะพ่อแม่ญาติพี่น้องเห็นด้วยก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเรื่องมงคล แต่เงินสินสอดและเงินจัดงานทั้งหมด ฝ่ายชายเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด”
ด้านนายชรัญธร เคแสง เจ้าบ่าว กล่าวว่า หลังจากที่โซเชียลนำมาเป็นกระแสก็มีความคิดเห็นต่างๆ เข้ามา บางคนที่ทราบข้อมูลทราบเรื่องราวข้อเท็จจริงก็มาแสดงความยินดี แต่บางคนที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงก็แสดงความคิดเห็นไปต่างๆนาๆ แต่ส่วนตัวไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะเข้าใจสังคมโลกโซเชียล แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากนี้มีเพื่อนๆที่ไม่ได้มาร่วมงานก็เข้ามาถามว่าใช่คู่ของตนเองไหม ทำยังไงต้องสุดขนาดไหนถึงจะได้ภรรยาแบบนี้ แต่พอได้ทราบความจริงก็เป็นเรื่องฮาเป็นสีสันในงานแต่งงานปัจจุบันมากกว่า