รวบตัวได้แล้ว ลุงปืนโหด โมโหร้ายไล่ยิงกลุ่มเพื่อนหลานวัย 15 หนีออกจากบ้าน แม่เพื่อนที่พาเด็กมาส่งบ้านวิ่งหนีแต่หกล้ม ถูกลุงจ่อยิงดับอย่างโหดเหี้ยม ภายในซอยสิงหเจริญอุทิศ 4 แยกซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 18 แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา
จากกรณีเหตุลุงหัวร้อนใช้อาวุธปืนยิง น.ส.สุจิตรา อายุ 35 ปี เสียชีวิต และยิง น.ส.จิราภา อายุ 32 ปี รวมถึงชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 25 ปี ได้รับบาดเจ็บ ภายในซอยสิงหเจริญอุทิศ 4 แยกซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 18 แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา
ความคืบหน้าคดี เมื่อเวลา 11.30 น. พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลอาญาธนบุรี พิจารณาออกหมายจับลุงหัวร้อน พร้อมพวกรวม 2 คน โดยศาลพิจารณาอนุมัติออกหมายจับที่ 88/2565 ลงวันที่ 13 ก.พ.2565 ให้จับ นายเสมา อายุ 50 ปี และ หมายจับที่ 89/2565 ลงวันที่ 13 ก.พ.2565 ให้จับ นายภานุสรณ์ อายุ 30 ปี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ความคืบหน้านายเสมา ขจรพันธ์ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง น.ส.สุจิตรา เทพศิรินทร์รัตน์ อายุ 35 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้างเสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ต่อมา พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.นิภพล สุขนิยม ผกก.สส.บก.น.8 ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้โดยเร็วเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ต่อมา พ.ต.อ.นิภพล สืบทราบว่าภายหลังก่อเหตุนายเสมา และนายภานุสรณ์ เศรษฐพฤกษา อายุ 31 ปี ผู้ขับขี่รถ จยย.พานายเสมา หลบหนี ได้หลบหนีไปอยู่ที่ซอยเทอดไท 86 ถนนพัฒนาการ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม.จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ ต่อมาผู้ต้องหาจึงขอเข้ามอบตัวเนื่องจากถูกแรงกดดันไม่ไหว จากนั้นควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.บุคคโล โดยมี พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.น.8 พ.ต.อ.ปิยะกรณ์ ศรีวันทา ผกก.สน.บุคคโล ร่วมสอบสวน
พล.ต.ต.มานพ เปิดเผยว่าตำรวจชุดสืบสวนบก.น.8 เข้าควบคุมตัวนายเสมา ภายหลังจากที่ทางพนักงานสอบสวนสน.บุคคโล ขออนุมัติหมายจับข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ถึงแม้ว่าจะเข้ามอบตัวก็ตาม ส่วนการสอบปากคำนั้น หลังจากเกิดเหตุมีการขอเข้ามอบตัว สอบสวนตามปกติ จากการซักถามเบื้องต้นทราบว่านายเสมา มีความผูกพันธ์กับหลานมาก เนื่องจากเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อผู้เสียชีวิตพาหลานมาที่บ้านจึงเกิดการโต้เถียงกัน อีกทั้งเนื่องจากหลานยังไม่อยากอยู่กับนายเสมา จึงเกิดความรู้สึกเสียใจ
พล.ต.ต.มานพ เปิดเผยอีกว่าคำให้การพยานยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตใช้อาวุธมีดแทงที่บริเวณท้องด้านซ้ายผู้ต้องหา ซึ่งต้องขยายผลการตรวจสอบเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่นายเสมาให้การว่า ระหว่างเดินทางไปโรงพยาบาล ได้ตามมาเจอผู้ชีวิตจึงใช้อาวุธปืนยิง และได้โยนอาวุธปืนทิ้งไปบริเวณถนนกัลปพฤกษ์นั้น ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามอาวุธปืนดังกล่าว
พล.ต.ต.มานพ เปิดเผยอีกว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด นายเสมาเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิง และนายภานุสรณ์ เป็นผู้ขับขี่รถจัดรยานยนต์พาหลบหนี พนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติหมายจับข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนใหญ่แล้วกรณีดังกล่าวเกิดจากการยั่วยุผ่านทางเฟซบุ๊ก ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาอาวุธปืนเพิ่มหลังเจออาวุธปืนหรือไม่ เนื่องจากมีการยืนยันว่าอาวุธปืนไม่มีทะเบียน จึงอาจจะมีการแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ ไม่พบสารเสพติดติดในร่างกายแต่อย่างใด
ที่นิติเวช รพ.จุฬาฯ นายกรีรติ ก๊กทรัพย์ อายุ 32 ปี แฟน น.ส.สุจิตรา เดินทางมารับศพก่อนจะนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดดาวคะนอง พร้อมเปิดเผยว่าเหตุดังกล่าวเกิดจากการที่หลานสาวผู้ก่อเหตุทะเลาะกับทางบ้าน แฟนตนสงสารจึงให้มาพักอาศัยที่บ้าน ซึ่งคู่กรณีคงไม่เข้าใจและคิดว่าแฟนตนต้องการกักตัวไว้ ที่ผ่านมาหลานผู้ก่อเหตุมักเล่าว่าถูกพี่สาวทำร้ายร่างกายบ่อย ก่อนหน้านี้ทางบ้านก็โทรมาตามให้กลับบ้านแต่กลัวว่าถ้ากลับไปเพียงคนเดียวจะถูกทำร้าย แฟนตนจึงไปส่งที่บ้านด้วยกันหลายคน ซึ่งวันเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่รับรู้มาว่าเคลียร์ปัญหากันไม่ได้ฝั่งคู่กรณีไม่เข้าใจจึงไล่ยิง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้เสียชีวิตพกมีดและทำร้ายร่างกายคู่กรณีก่อน นายกรีรติกล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะเป็นความจริง แฟนตนเป็นผู้หญิงจะพกมีดไปทำไม ขณะที่ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ลูกบุญธรรมผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ แม่บุญธรรมไม่ได้พกอาวุธมีดไป พวกตนแค่ไปส่งหลานผู้ก่อเหตุกลับบ้านตามปกติที่เคยพาไป เพราะพี่สาวเขาโพสต์ต่อว่าพวกตนในเฟซบุ๊กทำนองว่าจะกักตัวไว้ทำไมจึงมีปากเสียงกัน เมื่อพาน้องเขาไปถึงที่บ้านก็มีปากเสียงกันอีก ลุงน้องเขาได้เข้ามาตีแม่บุญธรรมจึงไม่พอใจและเข้าไปห้ามกลุ่มคู่กรณีจึงเข้ามาทำร้ายพวกตน แม่ตนจึงออกตัวแทน ผู้ก่อเหตุได้พูดขึ้นมาทำนองว่า “มึงจะจบไม่จบ” และสั่งให้วัยรุ่นทำร้ายพวกตนจนนำไปสู่เหตุดังกล่าว
นายเอเปิดร่องรอยบาดแผลจากเหตุดังกล่าวให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกล่าวอีกว่า เมื่อแม่บุญธรรมของตนถูกยิงคิดว่ากระสุนคงหมด คู่กรณีจึงกลับไปและให้อีกกลุ่มขี่รถจักรยานยนต์ตามมาทำร้ายอีก พวกตนจึงกราบขอว่าอย่าทำอะไรเลย จากนั้นคู่กรณีขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายก่อน เพียงแค่จะพาหลานผู้ก่อเหตุไปส่งที่บ้าน เพราะที่ผ่านมาเขาเคยถูกทำร้ายร่างกายซึ่งก็ไม่ทราบว่าถูกทำร้ายด้วยเหตุผลอะไร
ขอบคุณ เรื่องเล่าเช้านี้/มติชน