รวบตัวคาสนามบิน บอลนี่ เมธา เจ้าของบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ดารุมะ ซูชิ เจ้าตัวยอมรับว่าเครียด ทนแรงกดดันไม่ไหว ประกอบกับไม่อยากหนีไปตลอดชีวิต จึงกลับมาไทย
ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่อง สำหรับร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นชื่อดังได้มีการขาย Voucher ผ่านแอพพลิเคชั่น จนมีลูกค้าบอกต่อและเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก แต่สุดท้ายกลับพบว่า แฟนเพจเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ ของทางร้านได้หายไปแบบล่องหน ซึ่งต่อมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เปิดเผยว่า นายเมธา ชลิงสุข หรือ “บอลนี่” เจ้าของแฟรนไชส์ “ดารุมะ” ได้ออกนอกประเทศไปแล้วเพียงคนเดียว ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา ปลายทางคือเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 22 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนนายเมธา ชลิงสุข อายุ 42 ปี เจ้าของแบรนด์ “ดารุมะ” ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้แล้วเมื่อเช้าวันเดียวกัน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภายหลังจากนั่งเครื่องบินกลับมาจากไต้หวัน ขณะนี้กำลังนำตัวมาที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) จะทำการสอบปากคำด้วยตนเองต่อไป
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า นายเมธา ชลิงสุข ประธานกรรมการบริหาร ดารุมะ ซูชิ ถูกตำรวจจับกุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังมีการขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และฟอกเงิน
ภายหลังมีผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความ และตำรวจได้เตรียมประสานการจับกุมกับตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล จนท้ายสุดเจ้าตัวทนแรงกดดันของเจ้าหน้าที่ไม่ไหวจึงเดินทางกลับเข้ามาที่ประเทศไทย โดยจะมีการแถลงข่าวในเวลา 14.00น.วันนี้ ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
จากการสอบถามเบื้องต้น นายเมธา ระบุได้ทำธุรกิจอาหารแล้วเกิดปัญหาสภาพคล่องตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาด มีหนี้สินกว่าร้อยล้านบาท จึงขายเวาเชอร์ออนไลน์ราคา 199 บาท ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริง สามารถทำยอดขายได้วันละ 1 ล้านบาท เพื่อนำเงินเข้าระบบให้ประคองธุรกิจต่อไปได้ แต่ท้ายสุดก็ไม่สามารถทำธุรกิจต่อไป จึงตัดสินใจหลบหนีไป แล้วถูกกดดันจากหลายทางจึงตัดสินใจกลับไทย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าร้านซูชิ ได้เริ่มขายเวาเชอร์ออนไลน์เมื่อปี 2563 อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวไม่ได้ประสานมามอบตัวเอง แต่เชื่อว่าจะกลับมาสู้คดี ซึ่งตำรวจมั่นใจว่ามีหลักฐานที่จะดำเนินคดี โดยการจับกุมสามารถยึดเงินสดติดตัวได้ 20,816 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 710,000 บาท พร้อมยึดอายัดทรัพย์สินในบัญชีธนาคารหลักแสนบาท หากตรวจพบเส้นทางการเงินเพิ่มเติมจะพิจารณาแจ้งข้อหาฟอกเงินเพิ่มเติม โดยตำรวจจะนำตัวฝากขังต่อศาลอาญาในวันพรุ่งนี้ พร้อมสั่งคัดค้านการประกันตัว เบื้องต้นพบผู้กระทำผิดเพียงคนเดียว
รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหามีปัญหาหนี้สินจากการประกอบธุรกิจ และไม่สามารถหาเงินไปชำระค่าวัตถุดิบต่างๆ ทำให้ผู้ผลิตสินค้าและนำมาจำหน่ายให้กับบริษัท ไม่ส่งของเข้ามา จนเป็นเหตุให้ร้านไม่สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้
รายงานข่าวแจ้งว่าอีก จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทดารุมะ ซูชิ กว่า 303,447,243 บาท ส่วนความเสียหายพบว่ามียอดขายคูปองเวาเชอร์ผ่านแอพฯ 174,177 ใบ ลูกค้ากว่า 33,002 คน คิดเป็นมูลค่า 27,070,915 บาท และมูลค่าความเสียหายจากผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์มาทำธุรกิจ อีก 17,500,000 บาท เบื้องต้นร้านดารุมะ มีทั้งหมด 27 สาขา เป็นของผู้ต้องหา 10 สาขา ของผู้เสียหายอีก 17 สาขา
รายงานข่าวแจ้งว่า จากคำให้การตอนหนึ่งของผู้ต้องหายอมรับว่า ที่ตัดสินใจกลับมาเมืองไทย เนื่องจากเห็นข่าวผ่านทางโซเชียลว่า หลังจากผู้เสียหายมาแจ้งความ ตำรวจก็เร่งทำคดีจนมีการขอศาลออกหมายจับ พร้อมประสานตำรวจต่างประเทศ เพื่อให้ติดตามตัวมาดำเนินคดี จนผู้ต้องหารู้สึกเครียดมาก คิดว่าหนีอย่างไรก็คงไม่รอด เเละทนแรงกดดันไม่ไหว ประกอบกับไม่อยากหนีไปตลอดชีวิต ทำให้ตัดสินใจกลับมาไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย
ขอบคุณ คมชัดลึก/ประชาชาติธุรกิจ/เดลินิวส์