หากว่าตายไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะเอาอวัยวะของเราไหม !!! เพราะเราทำงานหนัก ถ้าเขาเอาก็พร้อมที่จะให้ ถ้ามันเป็นประโยชน์กับคนอื่น ดีกว่าจะเอาไปเผาทิ้ง คำพูดของสาวใหญ่ใจบุญ “น.ส.วิไลวรรณ เลิศสงคราม” อายุ 50 ปี ชาว อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ขณะพูดคุยกับน้องสาวหลังดูข่าวการบริจาคอวัยวะ
เด็กน้อยใจกุศล บริจาคอวัยวะ หลังตัวเองประสบอุบัติเหตุ สมองตาย ก่อนจะประสบอุบัติเหตุรถมอไซค์ล้ม สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ถูกนำตัวส่ง รพ.โซ่พิสัย และถูกส่งต่อไปที่ รพ.บึงกาฬ เกิดภาวะสมองตาย คณะแพทย์ได้พูดคุยปรึกษากับครอบครัวของ “น.ส.วิไลวรรณ” พื่อขอรับบริจาคอวัยวะ เพื่อนำไปช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยรายอื่นที่ยังรอโอกาสอยู่อีกหลายชีวิต ได้แก่ ดวงตา 2 ข้าง และไต 2 ข้าง สามารถนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่นได้ถึง 4 ชีวิต
“นายหนูใจ เลิศสงคราม” อายุ 80 ปี คุณพ่อของ “น.ส.วิไลวรรณ” ตอบตกลงทันที บอกยินดีเลย ผมภูมิใจ ถือว่าเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ทอดถวายกฐินก็ไม่เท่ากับการบริจาคอวัยวะให้ผู้อื่น เพราะเราได้ช่วยชีวิตให้ผู้อื่นได้มีชีวิตดำเนินต่อไปได้ นับเป็นบญกุศลที่ยิ่งใหญ่มาก ดีกว่าเอาอวัยวะไปเผาทิ้งเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ส่วนน้องสาวของ “น.ส.วิไลวรรณ” บอกพี่สาวเป็นลูกคนที่ 3 ของพี่น้องทั้งหมด 5 คน เป็นคนชอบทำบุญไหว้พระ ชอบสวดมนต์ทั้งในพรรษาและนอกพรรษา ไปปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำ หลังจากทราบว่าพี่สาวไม่มีทางรักษาแล้ว จึงอยากให้พี่สาวทำบุญเป็นครั้งสุดท้าย และพี่สาวก็เคยพูดไว้ คิดว่าพี่สาวน่าจะภูมิใจในสิ่งที่ครอบครัวตัดสินใจบริจาคอวัยวะในครั้งนี้
คณะแพทย์จากสภากาชาดไทย เดินทางมาด้วยเฮลิคอปเตอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการผ่าตัดอวัยวะที่รับบริจาค ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เสร็จแล้วได้ทำการขอขมา และคารวะร่าง “น.ส.วิไลวรรณ เลิศสงคราม” ผู้บริจาค ก่อนนำไปผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะให้กับผู้ป่วยรายอื่นต่อไป
ขอบคุณข่าวจาก Lapaz Cho