เผยภาพวงจรปิด น้องฟิล์ม ก่อนวิ่งหนีครูเข้าป่าเสียชีวิต แม่น้องฟิล์ม ยัน ไม่ติดใจหลังลูกสาววิ่งหนีครูเข้าป่าเสียชีวิต เชื่อเป็นเหตุสุดวิสัย เผยอาการลูก ขอชี้แจง ไม่ได้โดดกิจกรรมสวดมนต์ ด้านพ่อน้องฟิล์ม ร้องไห้โฮเก็บเสื้อผ้าลูกไปบอกเจ้าสุพรรษาช้างคู่หูลูก พี่ฟิล์มไปแล้ว เตรียมฌาปนกิจวันที่ 6 ก.ย.นี้
จากกรณีเกิดเหตุสลดพบศพ น้องฟิล์ม อายุ 17 ปี นักเรียน ชั้น ม.6 โรงเรียนในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เสียชีวิตอยู่ในป่าข้างโรงเรียนอย่างปริศนา หลังจากครูฝ่ายปกครองของโรงเรียน เป่านกหวีดไล่กวดให้ไปร่วมกิจกรรมสวดมนต์ ซึ่งเป็นช่วงคาบเรียนสุดท้ายของวันศุกร์ เวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัวและเพื่อน ๆ
ต่อมาได้มีภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านค้าหน้าโรงเรียน ระหว่างที่น้องฟิล์มและเพื่อนไปซื้อผัดไทย แล้ววิ่งข้ามถนน ซึ่งเป็นภาพก่อนที่ครูจะมาพบแล้ววิ่งหนีครู โดย น.ส.จุฬารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี ระหว่างที่วิ่งหนีครู ฟิลม์ยังพูดว่า “กินยังไม่อิ่ม” และถือจานผัดไทยไปด้วย ส่วนสาเหตุที่เพื่อนเสียชีวิตตนไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เท่าที่รู้เพื่อนจะเหนื่อยทุกครั้งที่เดินขึ้นบันได
นายนิรุส อายุ 40 ปี พ่อน้องฟิล์ม บอกว่า ที่ผ่านมาลูกสาวจะเป็นคู่ซี้กับเจ้าพรรษา ช้างเพศเมียอายุ 3 ปี มักจะหยอกล้อกันเป็นประจำ แต่หลังจากน้องฟิล์ม เสียชีวิต จึงเอาเสื้อผ้าของใช้ของน้อง ไปบอกให้เจ้าพรรษา ว่า “พี่ฟิล์มไปแล้ว “ดูเหมือนว่าเจ้าพรรษาจะรับรู้ เพราะมีอาการส่ายหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพ่อน้องฟิล์มเก็บเสื้อผ้าของน้องกลับบ้านเข้าไปบอกเจ้าพรรษาทั้งน้ำตาว่า “พี่ฟิล์มไปแล้ว” เป็นคลิปในยูทูบซึ่งหลังโพสต์ไปได้ไม่นาน มียอดเข้าชมกว่า 1 แสนครั้ง
วันที่ 4 ก.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศงานศพของ น้องฟิล์ม เต็มไปด้วยความโศกเศร้า คณะครู เพื่อนนักเรียน และชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างทยอยเดินทางมาไหว้ศพและแสดงความอาลัยกับการจากไฟของน้องฟิล์มอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้กำลังใจพ่อแม่และครอบครัวที่ต้องสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักไปแบบกะทันหัน โดยทางครอบครัวมีกำหนดจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 6 ก.ย.นี้
นางนุชจิรา ศาลางาม อายุ 38 ปี แม่ของน้องฟิล์ม กล่าวว่า ตอนนี้ครอบครัวไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของน้องแล้ว และไม่อยากสืบสาวหาต้นสายปลายเหตุอะไรต่อ ขอให้จบแค่นี้ อยากให้น้องไปสบาย เพราะเชื่อว่าการจากไปของลูกสาวเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ใช่ความผิดของใคร เนื่องจากวันเกิดเหตุน้องมีภาวะเหนื่อยหอบ พอจังหวะที่ครูมาไล่ให้ไปร่วมกิจกรรมสวดมนต์ น้องอาจจะตกใจวิ่งเข้าไปในป่าจนทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
นางนุชจิรา กล่าวต่อว่า ถึงแม้ที่ผ่านมาน้องจะไม่ได้มีโรคประจำตัว แต่วันนั้นน้องบอกกับเพื่อนว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย เหนื่อย ก็อาจจะเกิดหัวใจล้มเหลวขึ้นได้ จึงไม่อยากจะโทษใคร ส่วนครูและทางโรงเรียนอยากจะแสดงความรับผิดชอบกับการจากไปของน้องก็แล้วแต่ทางโรงเรียน ครอบครัวก็ไม่ได้จะเรียกร้องอะไร ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาทาง ผอ.โรงเรียน และคณะครู เพื่อนนักเรียนก็มาร่วมงานสวดอภิธรรมศพน้อง แต่ยอมรับว่าตอนนี้ครอบครัวยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียน้อง
“แต่สิ่งที่แม่อยากจะชี้แจงคือ ลูกสาวไม่ได้โดดเรียนหรือโดดกิจกรรมสวดมนต์ตามที่เป็นข่าว แต่เนื่องจากวันนั้นน้องไม่สบายเหนื่อยหอบ เพราะช่วงกีฬาสีโรงเรียนน้องพักผ่อนน้อย จึงขอนั่งพักใต้อาคาร ซึ่งก็ใกล้กันกับจุดที่เขาทำกิจกรรมสวดมนต์ก่อนจะเลิกเรียน แต่น้องไม่สบายจึงไม่อยากจะไปนั่งทำกิจกรรมนาน ๆ จึงนั่งพักอยู่ใต้อาคาร ไม่ได้ตั้งใจจะโดดตามที่เป็นข่าว เพราะที่ผ่านมาน้องเข้าร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียนตลอด” นางนุชจิรา กล่าว
ขอบคุณ TopNews/ข่าวสด