เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก แมนฯ ซิตี้ ดูจะครองบอลได้มากกว่า แต่ยังหาจังหวะจบสกอร์ไม่ได้ตลอด 10 นาทีแรก ส่วน สิงห์บลู ก็พยายามตั้งเกมบุกของตัวเอง แต่ยังแทบไม่สามารถเอาบอลกลับมาครอบครองได้
นาทีที่ 17 ทีมเยือนได้โอกาสเป็นครั้งแรกจากลูกโหม่งของ แฟร์นันดินโญ แต่ เกปา ยังซุเปอร์เซฟเอาไว้ได้
แต่แล้วนาทีที่ 35 เจ้าถิ่นมาได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะความผิดพลาดของผู้เล่น แมนฯ ซิตี้ ทำให้ พูลิซิช ได้ใช้ความเร็วกระชากหนีหลุดไปดวลเดี่ยวกับ เอแดร์ซอน ก่อนจะยิงเสียบเสานิ่ม ๆ เข้าไป
เริ่มเกมใน 45 นาทีหลัง ยังคงเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ครองบอลบุกเข้าใส่ แต่ยังแทบไม่มีจังหวะได้จบแบบเน้น ๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
กระทั่งนาทีที่ 55 ทีมเยือนตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ จากจังหวะปั่นฟรีคิกสุดสวยของ เควิน เดอ บรอยน์ บอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสุดสวย
นาทีที่ 70 สิงห์บลู มีโอกาสใกล้เคียงสุด ๆ อีกครั้งจากการหลุดเดียวของ พูลิซิช ที่หลบผู้รักษาประตูไปแล้วแต่ ไคล์ วอร์คเกอร์ ยังตามมาสไลด์บอลเคลียออกจากเส้นประตูได้ทัน
จุดเปลี่ยนของเกมอยู่ในช่วงนาทีที่ 77 แฟร์นันดินโญ โดนใบแดงจากการเอามือไปปัดบอลบนเส้นประตู แถมยังโดนลูกจุดโทษ และเป็น วิลเลียน ที่สังหารเข้าไปไม่พลาดให้ทีมขึ้นนำ 2-1
ช่วงเวลาที่เหลือเป็น สิงโตน้ำเงินคราม ที่ครอบบอลได้ชัดเจนกว่าเนื่องจากตัวผู้เล่นที่มากกว่า 1 คน และเกือบได้ประตูนำห่างจาก เปโดร แต่ เอแดร์ซอน ยังบินปัดปลายมือป้องกันเอาไว้ได้
กระทั่งจบเกม เชลซี เปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 คว้า 3 คะแนนอันล้ำค่าได้สำเร็จ แถมยังส่งผลให้ ลิเวอร์พูล การันตีการเป็นแชชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้อีกด้วย
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : sanook