ทำไมนางอัปสรจึงถูกเปรียบว่าเป็นโสเภณีแห่งสรวงสวรรค์? เป็นคำเปรียบเปรยที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงกล่าวไว้ในบทกวีที่เล่าถึงที่มาของพวกนาง
คำว่า “อัปสร” นั้น มาจากคำว่า “อัป” (หมายถึง น้ำ) และ “สร” (หมายถึง การเคลื่อนไป) อัปสร จึงหมายถึง ผู้ที่เคลื่อนไปในน้ำ อันเป็นกำเนิดของนาง ทว่าโดยทั่วไป ถือว่านางเป็นชาวสวรรค์
นางอัปสรเป็นผู้ที่มีทั้งความงามและความสามารถในการร้องรำทำเพลง แต่ความงามของพวกเธอกลับไม่ได้รับความสนใจจากเหล่าเทวดาที่มัวแต่จดจ้องรอแย่งชิงน้ำอมฤตกับเหล่าอสูร
เมื่อไม่มีใครรับ พวกเธอจึงกลายเป็นของกลางที่คอยบำเรอเหล่าเทพ เป็นดั่งโสเภณีในสรวงสวรรค์
ด้านราชบัณฑิตเสฐียรพงษ์บอกว่า หลังเหล่านางอัปสรถือกำเนิดขึ้น พระอินทร์ได้รับเอานางอัปสรไปเป็นนางบำเรอจำนวนมาก ราวกับจะตั้งตัว “พ่อเล้า” ที่นอกจากจะเอาไว้เชยชมเองแล้ว ยังใช้นางอัปสรเป็นเครื่องมือในการทำลายตบะของบรรดาฤาษีชีไพร ด้วย
หากฟังท่านเสฐียรพงษ์เล่า จะว่าร้ายพระอินทร์สักนิดว่าที่พระอินทร์แกต้องคอยทำลายตบะผู้ถือศีลเป็นเพราะกลัวว่าใครจะมาแย่งตำแหน่งของแกเข้า จึงต้องส่งนางอัปสรไปทำให้เขาตบะแตก
นั่นก็จริงอย่างท่านว่า แต่ถ้าไปลองฟังคนที่เข้าข้างพระอินทร์ก็จะบอกว่า ที่ท่านทำไปก็เพื่อรักษา “ระเบียบ” แห่งไตรภูมิ จะปล่อยให้มนุษย์ธรรมดาๆ มีอิทธิฤทธิ์ถึงขั้นทำให้สามโลกต้องปั่นป่วนมิได้
พูดง่ายๆก็คือ เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ก็จงใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ เกิดเป็นนางอัปสรก็ต้องเชื่อฟังเทพผู้เป็นนาย นางอัปสรจึงต้องใช้เสน่ห์ทางเพศคอยยั่วยวนผู้ทรงศีลตามที่พระอินทร์ท่านต้องการ พวกเธอจึงต้องรับบาปเคราะห์จากสถานภาพที่เธอเลือกมิได้
ตัวอย่างมีในตำนานของฤาษีวิศวามิตรผู้เคร่งณาน ที่ถูกพระอินทร์ส่งนางอัปสรชื่อเมนถามาฉอเลาะจนท่านฤาษีเคลิ้มเคลิ้มสมสู่จนมีลูกด้วยกันนามว่า “ศกุนตลา”
ภายหลังท่านฤาษีจึงบำเพ็ญณานอย่างหนักจนตบะ “แข็งกล้า” กว่าเดิม ด้านพระอินทร์จึงแก้เกมด้วยการส่งนางอัปสรที่สวยที่สุดในสวรรค์ชื่อว่า “นางรัมภา” มาทำลายตบะของท่านฤาษีอีก แต่คราวนี้ท่านฤาษีไม่เอาด้วย
นางรัมภาจึงถูกฤาษีวิศวามิตร สาปให้กลายเป็นหินถึงหมื่นปี นางอัปสรคนงามจึงกลายเป็นแพะรับบาปของการชิงดีชิงเด่นระหว่างชายผู้มีอิทธิฤทธิ์สองท่านไป
นอกจากนี้ยังมีตำนานกล่าวต่อไปว่า นางอัปสรนั้นเป็นชายาของคนธรรพ์ ซึ่งเป็นนักดนตรีในสวรรค์ โดยนางจะเต้นรำไปตามจังหวะดนตรีที่สามีของตนบรรเลง โดยทั่วไปมีความเชื่อว่านางอัปสรเป็นเครื่องหมายแห่งความเจริญงอกงาม แต่บางถิ่นก็เชื่อว่าอัปสรมีอำนาจแห่งความชั่วร้ายอยู่ด้วย
ในปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชา มีการสลักภาพนางอัปสรไว้มากมาย โดยที่แต่ละรูปมีใบหน้า ท่าทาง และการแต่งกายที่แตกต่างกันไป
ปัจจุบัน นางอัปสร เป็นที่นิยม ใช้แก้เคล็ด เช่าบูชา ในเรื่องเสน่ห์ ผัวรักผัวหลง อีกด้วย
ส่วนคาถามนตราบูชานางอัปสรานั้น มีดังนี้
ให้เริ่มท่องนโม ๓ จบ (อย่าว่า นะโม นะโม นะโม แค่นี้นะ ให้ว่าจนจบบท นะโมตัสสะ ภควะโต….)
จากนั้นก็ให้ อธิษฐาน คือคิดเอานั่นแหละ แล้วท่องคาถาว่า
อัป ปะ สะ ระ มหา บา ระ มี
ภะ วัน ตุ เม นะโมพุทธายะ
มนตรานี้ เหมาะสำหรับนักแสดงทุกสาขาอาชีพ รวมทั้งพวกทำงานด้านความสวยงาม ร้านเสริมสวยสตรีด้วย บูชาด้วยดอกไม้ ของหอม ผลไม้ แว่นหวี กระจก อื่นๆ ตามสมควร