กีฬาต่างประเทศ

เริ่มเขี่ยมาได้ 19 นาที เจ้าบ้านมาได้จุดโทษ เมื่อ โรแบง เลอ นอร์มังด์ ไปทำฟาวล์ใส่ ฮูโก ดูโร ล้มลงในกรอบเขตโทษ ก่อนเป็น ไฆเม มาตา รับหน้าที่สังหารซัดไปทางซ้ายมือ อเล็กซ์ เรมิโร พุ่งไปผิดทาง ซึ่งถือเป็นการเสียจุดโทษ 7 เกมติดต่อกันของเรอัล โซเซียดัด และเป็นประตูเดียวของครึ่งแรก ครึ่งหลัง โซเซียดัด มาตามตีเสมอได้สำเร็จ

ครึ่งแรกเริ่มมา 14 นาที เซาแธมป์ตัน ได้ทักทายก่อนจากจังหวะการจ่ายทะลุช่องของ แดนนี อิงส์ ไปให้ เชน ลอง ได้จับบอลก่อนซัดด้วยซ้าย แต่บอลไปเข้าซอง เบน ฟอสเตอร์ อย่างไรก็ตามถัดมาสองนาที ทีมเยือนตั้งเกมจากแดนหลัง วิล สมอลบอน ผ่านบอลเข้าเท้า อิงส์ ใช้ความสามารถเฉพาะตัว เลี้ยงผ่าน เคร็ก ดอว์สัน

ครึ่งแรกเปิดฉากมาเป็นยูเวนตุส เปิดเกมบุกต่อเนื่อง โดย คริสเตียโน โรนัลโด มาได้ง้างเท้าซัดด้วยซ้ายในนาทีที่ 30 บอลหลุดกรอบออกไปเพียงนิดเดียว อย่างไรก็ตามถัดมาเพียง 3 นาที ทีมเยือนต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน หลัง ฟาบิโอ ลูซิโอนี ซึ่งยืนอยู่ในแผงหลังเป็นคนสุดท้าย จับบอลลั่นก่อนตั้งใจทำฟาวล์ใส่ โรดริโก เบนตันกูร์

เปิดฉากครึ่งแรกมาถึงนาทีที่ 25 บายาโดลิด ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ มิเชล เอร์เรโร เปิดบอลบอลโด่งเข้าเขตโทษฝั่งขวา และเป็น กิโก ขึ้นโหม่งเน้นๆ บอลย้อยเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้ กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 55 เซบียา ชวดตีเสมอจากจังหวะที่ เฆซุส นาบาส เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ

หลังจากรอคอยมานานกว่า 30 ปี ในที่สุดลิเวอร์พูลก็ได้รับการการันตีแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดท่าบุกไปแพ้ เชลซี 1-2 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้ เรือใบสีฟ้า ไม่สามารถทำแต้มไล่ลิเวอร์พูลได้ทัน แม้จะเหลือการแข่งขันอีก 7 นัดก็ตาม คลอปป์ กล่าวว่า “ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก แมนฯ ซิตี้ ดูจะครองบอลได้มากกว่า แต่ยังหาจังหวะจบสกอร์ไม่ได้ตลอด 10 นาทีแรก ส่วน สิงห์บลู ก็พยายามตั้งเกมบุกของตัวเอง แต่ยังแทบไม่สามารถเอาบอลกลับมาครอบครองได้ นาทีที่ 17 ทีมเยือนได้โอกาสเป็นครั้งแรกจากลูกโหม่งของ แฟร์นันดินโญ แต่ เกปา ยังซุเปอร์เซฟเอาไว้ได้ แต่แล้วนาทีที่ 35

เปิดฉากครึ่งแรกมาถึงนาทีที่ 20 อาร์เซนอล ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธีย์ ผู้รักษาประตูของเซาแธมป์ตัน เตะเปิดเกมไม่ดีบอลมาโดน เอ็นดี เอ็นเคเทียห์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงง่ายๆ ตุงตาข่าย กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 85 เซาแธมป์ตัน ต้องมาเหลือ 10 คน เมื่อ แจ็ค สตีเฟนส์ ไปทำฟาวล์ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง

เริ่มเกมมา 7 นาทีแรก เรอัล มาดริด เกือบได้เร็ว แฟร์กล็องด์ เมนดี้ เปิดบอลจากซ้ายเลยไปถึง คาริม เบนเซม่า ได้ยิงด้วยขวาในเขตโทษ ทว่า มาโนโล่ เรน่า เซฟช่วย มายอร์ก้า เอาไว้ เรอัล มาดริด นำจนได้ในนาที 19 จากจังหวะที่ มายอร์ก้า จะโต้กลับแล้วโดนตัดเสียบอล รามอส ตักขึ้นหน้าให้ โมดริช ดึงบอลรอจังหวะก่อนไหลให้ วินิซิอุส จูเนียร์

เริ่มเกมลิเวอร์พูลเขี่ยจากขวาไปซ้าย และได้มีโอกาสทักทายก่อนในนาทีที่ 7 จากจังหวะซัดตูมด้วยขวาของ จอร์จินโย ไวนัลดุม แต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปแบบหมดลุ้น ถัดจากนั้นนาทีที่ 15 ซาดิโอ มาเน ใช้อกพักบอลก่อนตอกส้นให้ โรแบร์โต ฟีร์มีโน เลี้ยงจี้เข้าหา แกรี เคฮิลล์ และปั่นด้วยขวาติดเซฟเวย์น เฮนเนสซีย์ นาทีที่ 23