แดงเดือดที่เอ็นเตอร์เทนสุดๆ
พูดกันหลายเสียงว่านับตั้งแต่หมดยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ศึกแดงเดือด ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะ ลิเวอร์พูล มันมักไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่
ภาพจำคือ เพราะ ลิเวอร์พูล เฉพาะอย่างยิ่งในยุค เยอร์เกน คล็อปป์ มักจะเป็นฝ่ายบุกกระหน่ำใส่ ยูไนเต็ด เสียมากกว่า หรือกดอยู่ข้างเดียวโดยที่ ”ปีศาจแดง” ไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นมาหายใจ เพราะเอาแต่ตั้งรับและเน้นผล
แดงเดือดขบวนล่าสุด ถือเป็นแดงเดือดที่สนุกและโคตรมันสุดๆ ในรอบหลายๆปีเลยนะครับ
1. แมนฯ ยูไนเต็ด ในฐานะเจ้าถิ่น ไม่ได้แสดงความเกรงกลัวต่อผู้มาเยือนอย่าง ลิเวอร์พูล เลย
2. ทั้งสองฝ่ายเปิดหน้าบุกใส่กันตั้งแต่เริ่มเกมจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ
3. เกมพลิกไปพลิกมา มีดราม่าให้เห็น ยูไนเต็ด ที่ดูเหมือนว่าจะคาบ้าน แต่ก็เอาตัวรอดกลับมาได้อย่างเหลือเชื่อ
4. สถิติระบุว่า ทั้งสองทีมสับไกรวมกันไปทั้งหมด 53 ครั้ง และตรงกรอบรวมกันทั้งหมด 22 ครั้ง แบ่งเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ยิง 28 ครั้ง ตรงกรอบ 11 ครั้ง และ ลิเวอร์พูล ยิง 25 ครั้ง ตรงกรอบ 11 ครั้ง
ขอยืมวลีสุดคลาสสิคของ เฟอร์กี้ มาพูดหน่อยละกันครับ … ”Football eh? Bloody Hell!” (ฟุตบอล แม่Xโคตรบ้าเลยว่ะ!)
ลิเวอร์พูล ปิดเกมไม่ได้
หนึ่งในเหตุผลที่ทำไมพวกเขาถึงพ่ายแพ้ในเกมนี้ นั่นก็เพราะว่า ทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ ไม่สามารถปิดเกมได้
พูดง่ายๆคือ พวกเขาฆ่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ตายนั่นเอง
พวกเขามีโอกาสที่จะหนีห่างไปเป็น 3-1 แต่พวกเขาทำไม่ได้เอง แถมขึ้นนำ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปถึง 2 ครั้ง
เมื่อคุณไม่สามารถปิดเกมได้ ปล่อยให้คู่แข่งยังมีลมหายใจ อีกทั้งยังมาก่อความผิดพลาดเองอีกต่างหาก จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรที่คุณจะถูกคู่แข่งลงโทษ … พวกเขาต้องโทษตัวเองเต็มๆ
ใช้ใจมากกว่าแท็คติก
ฟุตบอลบางครั้งมันไม่ใช่แค่แท็คติกอย่างเดียว แต่คุณจำเป็นต้องใส่ทัศนคติและใจลงไปเล่นด้วย
ในแง่ของแท็คติก ทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ ดีกว่าค่อนข้างชัดเจน ขณะที่ทีมของ เอริค เทน ฮาก มักเปิดพื้นที่ให้กับทีมเยือนได้เจาะเข้ามาง่ายๆ เฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ตรงกลางที่เปิดช่องว่างขนาดใหญ่มากๆ แต่โชคดีที่ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถปิดเกมได้
แมนฯ ยูไนเต็ด มักถูกตั้งคำถามในเรื่องของการใส่ใจลงไปในเกม แต่เกมนี้กับ ลิเวอร์พูล พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วนะครับว่า ถ้าพวกเขาช่วยกันเล่น ใส่แพสชั่น ใส่ใจ ใส่ความกล้า ใส่ความมุ่งมั่น ใส่ความเป็นนักสู้ลงไป พวกเขาก็ทำได้ และทำได้ดีด้วย
ฝันเป็นจริง
อาหมัด ดิยัลโล ปีกวัย 21 ปี ถูกส่งลงมาในนาทีที่ 85 แทนที่ของ ราฟาแอล วาราน เขามีส่วนช่วยให้ทีมได้ประตูตามตีเสมอ 3-3 ช่วงต่อเวลาพิเศษ จากจังหวะที่ไปดักทางเปิดบอลของ ดาร์วิน นูเญซ ก่อนจะมาสวมบทเป็นฮีโร่ซัดให้ทีมแซงชนะ 4-3
ถือเป็นประตูแรกของเขากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบ 3 ปีเศษ นับตั้งแต่เกม ยูโรปา ลีก ที่ยิงให้ปีศาจแดงเปิดบ้านเสมอ เอซี มิลาน 1-1 เมื่อเดือนมีนาคม 2021
“เป็นเกมที่เหลือเชื่อสุดๆ! วันนี้เราสมควรได้รับชัยชนะ เราเล่นได้ดีมาก มันเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของฤดูกาล มันเป็นประตูที่ดีที่สุดในชีวิตของผม มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญจริงๆ”
“คุณต้องเชื่อมั่นในทุกๆช่วงเวลา นี่คือฟุตบอล ตอนที่ อเลฮานโดร การ์นาโช ส่งบอลมาให้ผม ผมก็อยากจะส่งบอลคืนไปให้เขา แต่จังหวะนั้นมันเป็นโอกาสที่ดีมากๆในการลุ้นทำประตู”
“ผมผิดหวังที่ถูกไล่ออก แต่สิ่งสำคัญคือชัยชนะ การเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ถือเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สุดๆสำหรับผมเลยล่ะ” ดิยัลโล เปิดใจหลังเกม
ขอบคุณผู้สนับสนุนข้อมูลดีๆ จาก ALLSUREWIN
สนใจเข้ามาผ่อนคลายกับหลากหลายเกมส์มากมายให้เลือกเล่น ได้ที่ @ALLSUREWIN
เล่นที่นี่มีแต่วิน ต้องวินชัวร์ แอด @winsure
ใครปิด เราไม่ปิด สนใจเสี่ยงดวงติดต่อเราได้ที่ไลน์ @asw888 ตลอด 24 ชม.
เกมดี เกมมัน มากกว่า 1,000 เกม @gamewin
แค่คิดถึงเรา เงินก็อยู่ในบัญชี @asw168
เล่นได้ จ่ายชัวร์ @RT88