ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.ชัยนาท มีคำพิพากษาให้เมียน้อยชดใช้เงินแก่เมียหลวง กรณีแต่งงานซ้อนกับผัวตำรวจ เมียหลวงเปิดเผยว่ารู้สึกพอใจในคำพิพากษาของศาล หลังจากนี้ก็จะใช้ชีวิตตามปกติ ทำงาน ดูแลลูกๆ ต่อไป พร้อมกับขอบคุณทุกคน ครอบครัว เพื่อนๆ และทีมเมียหลวง ที่ให้กำลังใจ
จากกรณีที่ นางนิภาพรรณ วัย 33 ปี ภรรยาหลวง ถือทะเบียนสมรสเข้าไปบุกงานแต่งของบ่าวสาวคู่หนึ่ง พร้อมไลฟ์สดผ่านสื่อโซเชียล โดยระบุว่าฝ่ายชาย คือ สามี ที่จดทะเบียนสมรสและอยู่กินกันมา 16 ปี แต่แอบมาแต่งงานกับสาวอื่น โดยมีแม่สามีมาด้วย พร้อมกับมีคลิปที่เข้าไปตบหัวลูกชายตัวเองต่อหน้าพระที่กำลังสวดทำพิธีให้ จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกโซเชียล ก่อนที่ นางนิภาพรรณ ภรรยาหลวง จะตัดสินใจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากฝ่ายหญิง 3 แสนบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.ชัยนาท มีคำพิพากษาให้เมียน้อยชดใช้เงินแก่เมียหลวง กรณีแต่งงานซ้อนกับผัวตำรวจ เป็นเงิน 2 แสนบาท จากเดิม 3 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย ร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้องที่ 18 ก.พ. – 10 เม.ย. และอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี นับจากวันที่ 11 เม.ย.เป็นต้นไป
น.ส.นิภาพรรณ เปิดเผยว่า ตนรู้สึกพอใจในคำพิพากษาของศาล หลังจากนี้จะใช้ชีวิตตามปกติ ทำงานดูแลลูกๆ ต่อไป ส่วนการชำระเงินค่าทดแทนของคู่กรณีให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ตนเชื่อว่าคู่กรณีจะยอมชำระเงินค่าทดแทนให้ตน ส่วนหากถ้ายอมชดใช้ค่าทดแทนแล้ว แต่ยังไม่ยอมเลิกยุ่งเกี่ยวกับสามีตน ตนก็ขอคิดดูก่อนว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
‘ขอบคุณทุกคน ทั้งครอบครัว เพื่อนๆ และทีมเมียหลวงที่ให้กำลังใจด้วยดีเสมอมา และอยากบอกกับผู้หญิงที่เป็นเมียหลวงทุกคนว่า “วันนี้ตนมาใช้สิทธิตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว และพอใจในคำตัดสินแล้วค่ะ อยากให้ผู้หญิงทุกคนมาใช้สิทธิของตนเอง อย่าให้ใบทะเบียนสมรสเป็นเพียงกระดาษใบเดียว แต่จงออกมาใช้สิทธิดีกว่า” น.ส.นิภาพรรณ
ด้านนายอนุสรณ์ อะสุรพงษ์ ทนายความ เปิดเผยว่า ศาลได้มีคำพิพากษาให้จำเลยชำระค่าทดแทนให้แก่ น.ส.นิภาพรรณ จำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย โดยศาลเห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยมีการแสดงออกอย่างเปิดเผยกับสามีของ น.ส.นิภาพรรณ ว่าคบหากันในฐานะชู้สาวเป็นระยะเวลานาน มีการพบเจอหลายครั้ง มีการโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก และมีการจัดพิธีงานแต่งงานตามประเพณี
สำหรับในส่วนของ น.ส.นิภาพรรณ ที่คบหาอยู่กินกับสามีมาเป็นระยะเวลานานและมีบุตรด้วยกัน จากฐานะทางสังคมและอาชีพ ศาลจึงพิจารณากำหนดค่าทดแทนให้จำเลยชำระ จำนวน 200,000 บาท จากที่เรียกไว้ 300,000 บาท ซึ่งทางเราได้ส่งคำพิพากษานี้ไปให้แก่จำเลยได้รับทราบแล้ว เพื่อให้ชำระค่าทดแทนพร้อมดอกเบี้ยภายใน 15 วัน หากจำเลยยังไม่ยอมชดใช้จะดำเนินการในขั้นตอนการบังคับคดี ยึดทรัพย์สินของจำเลยตามกฎหมายต่อไป
ขอบคุณ ไทยรัฐ/มติชน/sanook.com
