เมื่อเวลา 11.47 น. วันที่ 3 ก.ย.2563 ร.ต.อ.สมเกียรติ บุญมีจิว รอง สว.(สอบสวน) รับแจ้งเกิดเหตุฆาตกรรมภายในบ้านพักเลขที่ 68/21 ถ.เอกาทศรฐ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนรุดตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ
ในที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ซึ่งเปิดเป็นร้านเสริมสวยชื่อร้านช่อทิพย์ เลขที่ 68/21 ถ.เอกาทศรฐ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ใกล้เคียงกับ ห้างสรรพสินค้าท็อปแลนด์พลาซ่า บริเวณห้องน้ำพบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสูงอายุ ทราบชื่อคือนางบัญญัติ กัลป์ทอง อายุ 74 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านพักหลังดังกล่าว เสียชีวิตในลักษณะนอนคว่ำหน้า ที่ลำคอมีบาดแผลถูกของมีคมบาดเป็นแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ลึกจนหลอดลมขาดมีร่องรอยการถูกปาดคอหลายครั้ง จนเลือดไหลนองเต็มห้องน้ำ ตรวจสอบพบทรัพย์สินของผู้ตายหายไปมีสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทสร้อยข้อมือหนัก 50 สตางค์และแหวนอีก 1 วงเบื้องต้นแจ้งว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ต้องสงสัยมาจอดอยู่หน้าบ้านพักในช่วงเช้าวันนี้ ก่อนที่จะมีลูกสะใภ้มาพบศพ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียงเพื่อหาเบาะแสร่องรอยของคนร้าย
ด้านนางมนัส กัลป์ทองชูโชค อายุ 46 ปี ลูกสะใภ้ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้พบศพคนแรกเล่าว่า ผู้ตายพักอาศัยอยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว วันนี้ช่วงเวลาประมาณ 11.40 น.ตนมาหาแม่ตามปกติก็เอะใจเพราะประตูหน้าบ้านเปิดอยู่เข้าไปดูก็เห็นแม่นอนล้มอยู่ตรงห้องน้ำทีแรกคิดว่าเป็นลมจึงโทรแจ้ง 1669 เข้ามาตรวจสอบจึงรู้ว่าเป็นฆาตกรรม ทรัพย์สินส่วนตัวแม่ที่หายไป คือสร้อยพระ สร้อยข้อมือ และแหวน คนร้ายใจร้ายมากขอสาปแช่งมัน มันเหี้ย มันจังไร เศรษฐกิจมันแย่ด้วยโจรถึงเยอะแต่ก็ไม่น่าทำกับคนแก่ได้
ด้านนายสรายุทธ กัลป์ทอง อายุ 51 ปี ลูกชายคนที่ 2 ของผู้เสียชีวิตเล่าให้ฟังว่าด้วยน้ำตานองหน้าว่า พ่อตนเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากนั้นแม่ก็ขออยู่คนเดียวมาตลอด โดยมีตนและน้องชาย เปิดร้ายขายของอยู่เยื้องกันกับบ้านแม่คอยดูแล ตนเพิ่งเจอแม่เมื่อคืนตอน 3 ทุ่ม เพราะทุกๆวันตนจะเป็นคนมาปิดบ้านให้แม่ และสายๆ วันรุ่งขึ้นก็จะเข้ามาอยู่กับแม่ จนวันนี้น้องสะใภ้โทรตามว่าแม่โดนฆ่าตายหัวใจแทบสลาย ทำไมตนไม่มาอยู่กับแม่ให้ไวกว่านี้เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาดูข่าวแบบนี้มาตลอดไม่คิดว่าวันนี้หนึ่งมันจะมาเกิดขึ้นกับแม่ตัวเอง
ส่วนตัวแล้วแม่เป็นคนดี คิดบวก ไม่เคยคิดร้ายกับใคร เมื่อก่อนร้านนี้เคยเปิดเป็นร้านเสริมสวยแต่พอพ่อเสียตนก็บอกว่าอยากให้แม่พักไม่ให้ทำงานอีกแล้ว แต่แม่ก็ยังแอบทำผมให้กับลูกค้าอยู่บ้าง ตนเคยเตือนหลายครั้งเพราะลูกค้าแม่บางทีก็เป็นขาจรที่มาพักโรงแรม ไม่อยากให้แม่ทำเพราะเราไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร ห่วงแม่เพราะแม่อยู่คนเดียว เคยขอให้ไปอยู่ด้วยกัน แต่แม่ไม่ยอมไปจนมาเกิดเรื่องจนได้
ด้านนายเพชร เรือนชม อายุ 48 ปี ซึ่งเปิดร้านซ่อมรองเท้าอยู่ข้างบ้านผู้เสียชีวิตเล่าให้ฟังว่าเมื่อเช้าประมาณ 9 โมง มาเปิดร้าน เห็นรถน่าจะเป็นสกูปี้ สีแดง จอดอยู่หน้าร้าน ไม่ได้เอะใจอะไร เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาก่อนที่จะหายกลับเข้าไป รูปร่างๆท้วมๆ อายุประมาณ 30 ปี ลักษณะคล้ายทอม แต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเป็นลูกค้าจนกระทั่งลูกสะใภ้เขามาพบศพดังกล่าว
ด้านนางสาวอ้อย พัฒนาวรกุล อายุ 47 ปี เพื่อนบ้านเล่าให้ฟังว่าวันนี้ประมาณ 9 โมงครึ่ง ถึงประมาณ 10 โมง ได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน คนเถียงกัน มีเสียงมึง-กู ดังอยู่พักใหญ่ ตนไม่ได้คิดอะไรคิดว่าลูกหลานทะเลาะกันจนมาทราบเรื่องว่าคุณยายเสียชีวิตแล้ว
พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ได้ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รอหมอตรวจสอบชันสูตรเรื่องบาดแผลว่าน่าจะเกิดจากอาวุธแบบไหน เพื่อเชื่อมโยงว่าใครก่อเหตุ และทำเพราะอะไร พร้อมส่งชุดสืบลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งชิงทรัพย์ เหตุส่วนตัวทะเลาะวิวาท ขอเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเพื่อหาข้อมูลประกอบทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม จะเร่งทำงานอย่างเต็มที่ เพราะคดีนี้เป็นคดีอุกอาจ สะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก มั่นใจจะสามารถจับตัวคนร้ายได้โดยเร็ว