รวบตัวแล้ว ผู้กองเก๊ แต่งกายคล้ายตำรวจ แถมตัดผมเกรียน เพื่อให้เหมือนตำรวจ เผยขโมยชุดตำรวจมาใส่ เพื่อโพสหลอกสาวๆ และยังอ้างตัวว่าสามารถช่วยเรื่องเคลียคดีได้ มีเหยื่อหลงเชื่อ บางรายสูญเสียเงินหลักแสน
วันที่ 17 มกราคม พล.ต.ต.จิสุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม สั่งการให้ พ.ต.ต.สิทธิพร มีอาสา สารวัตร กองกำกับการ 3 กองปราบปราม ร่วมกับ ร.ต.อ.ธานินทร์ เทพชารี ร.ต.อ.โกญจนารถ ชาวยามกา รองสารวัตร กองกำกับการ 3 กองปราบปราม ประสานงานร่วมกับ พ.ต.ท.อภิเชษฐ์ ทรัพย์ส่งเสริม รอง ผกก.สืบสวน สภ.ชะอำ และกำลังตำรวจกองปราบปราม นำหมายศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ 10/2564 ลงวันที่ 15 มกราคม 2564 ความอาญา ฐานความผิดลักทรัพย์ในเคหสถานหรือรับของโจร เพื่อติดตามจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ คือ นายสมบัติ ทนทาน อายุ 33 ปี ชาว ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังมีการสืบสวนแกะรอยพบว่าหนีมากบดานในพื้นที่ บ้านขามเปี้ยน้อย ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก ผู้ต้องหาก่อเหตุขโมยชุดเครื่องแบบตำรวจ ของ ร.ต.อ.จตุพล กล้าหาญ หรือ ผู้กองก็อต ตำแหน่ง ผู้บังคับหมวดกองกำกับการ 4 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ภายในบ้านพักค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เมื่อเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา จากนั้นได้นำมาสวมใส่สร้างโปรไฟล์ ทางสื่อโซเชียล อ้างเป็นตำรวจยศร้อยตำรวจเอก เรียกตัวเองว่า ผู้กองเอ้ และมีพฤติกรรมไปทัก ตีสนิทกับเหยื่อในเชิงชู้สาว ทำให้สาวๆ ที่หลงรักชื่นชอบชายในเครื่องแบบ ตกเป็นเหยื่อหลายราย ทั้งสูญเสียเงิน ในลักษณะการยืมเงิน และตีสนิทเป็นแฟน รวมถึงเรียกรับเงินวิ่งเต้นช่วยคดีต่างๆ ตระเวนก่อเหตุมีผู้เสียหายหลายราย ตกเป็นเหยื่อ จนกระทั่งรู้ความจริงภายหลัง จึงเข้าแจ้งความตำรวจ และมีการสืบสวนรู้ภายหลัง เป็นตำรวจจอมปลอม บางรายสูญเสียเงินหลักแสน
จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามนำหมายศาลเข้ายืนยันจับกุมตัว นายสมบัติ ทนทาน อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ หลังหนีมากบดานที่บ้านพักแฟนสาว ในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ซึ่งเป็นเหยื่อรายล่าสุด โดยผู้ต้องหาใช้วิธีการตีสนิททางสื่อโซเชียล และคบกันเป็นแฟน ได้ประมาณ 2-3 เดือน ก่อนหนีมาพักอยู่ที่บ้านแฟนสาวที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งทางแฟนสาวยังไม่รู้ว่าเป็นตำรวจปลอม จนกระทั่งตำรวจกองปราบปรามเข้าจับกุม จึงความแตก ถึงกับตกใจหน้าซีด และขณะจับกุมผู้ต้องหายังสวมเสื้อกีฬามีโลโก้บนหน้าอกตราสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้านหลังมีข้อความสืบสวนภาค 7 และตัดผมสั้นเกรียนคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นทางตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวน ลงบันทึกจับกุม ที่ สภ.เมืองนครพนม เบื้องต้นฐานความผิด ลักทรัพย์ในเคหสถานหรือรับของโจร เพื่อนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ชะอำ สอบสวนดำเนินคดีในข้อหาความผิดอื่นๆ ต่อไป
โดยทางผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริง ทำไปด้วยความคึกคะนอง รวมถึงแฟนสาวคนล่าสุดที่ทำงานรับราชการ ได้ตีสนิทจากสื่อโซเชียล หลอกว่าเป็นตำรวจยศร้อยตำรวจเอก และมาทำงานสืบสวนในพื้นที่อีสาน จนเชื่อสนิท และคบกันเป็นแฟนมานานหลายเดือน นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบพบว่า มีประวัติเคยก่อคดีกรรโชกทรัพย์ ถูกตัดสินจำคุก ปีครึ่ง เพิ่งพ้นโทษมาได้ 5-6 เดือน และกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์สำหรับสาวๆ ที่หลงชื่นชมคนในเครื่องแบบ ระวังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพทางโซเชียล
ขณะจับกุมตัวนายสมบัติ ผู้ต้องหา ตำรวจได้ต่อสายโทรศัพท์ไปยังผู้เสียหายสาวรายหนึ่ง ชาว จ.อุบลราชธานี ที่ตกเป็นเหยื่อ เล่าพฤติกรรมว่า เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาติดต่อกันทางสื่อโซเชียล ทำให้รู้จักกัน และมีการพูดคุยกันในเชิงชู้สาวเป็นแฟน และมีการช่วยเหลือ ในลักษณะขอยืมเงิน อ้างว่าจะเอาไปวิ่งเต้นตำแหน่งบ้าง ยืมไปใช้จ่ายชั่วคราวบ้าง รวมถึงจะวิ่งเต้นคดีเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัว ทำให้สูญเงินไปกว่า 40,000–50,000 บาท จนมารู้ทีหลัง เพราะถูกบ่ายเบี่ยงไม่คืนเงิน และตรวจสอบข้อมูลพบว่า หลักฐานจากชื่อในเครื่องแบบที่สวมใส่ เป็นคนละคน จึงได้ประสานไปยังเจ้าตัวที่เป็นตำรวจจริง และเข้าแจ้งความดำเนินคดี
นอกจากนี้ ทางผู้เสียหายคนสำคัญ คือ ร.ต.อ.จตุพล กล้าหาญ หรือ ผู้กองก็อต ตำแหน่ง ผู้บังคับหมวดกองกำกับการ 4 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ที่เป็นเจ้าของเครื่องแบบ ยังได้ติดต่อโทรมาสอบถาม พูดคุยกับผู้ต้องหา หลังทราบข่าวมีการจับกุม และได้พูดคุยถึงผลกระทบที่ทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งบุคคล และชื่อเสียงของหน่วย รวมถึงไปการหลอกผู้เสียหายอีกหลายราย และขอให้กลับตัวกลับใจหากพ้นโทษมา ทั้งนี้ ทางตนพร้อมจะให้อภัย แต่ในส่วนของกฎหมายบ้านเมืองก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย เพราะมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่โดนหลอก
ขอบคุณ ไทยรัฐ