จับเจ้าสาวมาแต่งงาน “Kawin Tankap” ประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมา ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เป็นที่ยอมรับบนเกาะซุมบา จังหวัดนูซาเติงการาตะวันออก ทางตอนใต้สุดของประเทศอินโดนีเซีย ประเพณีหรือการลักพาตัว เกิดเหตุฉุดหญิงสาว 2 ราย ไปข่มขืนทำเมียที่ประเทศอินโดนีเซีย
รายแรก Ratih “ราติห์” (นามสมมุติ) วัย 21 ปี เธอเกิดและเติบโตบนเกาะซุมบา เธอเรียนจบ ม.ปลาย ไปทำงานอยู่ที่เกาะบาหลี เก็บเงินเพื่อจะเรียนต่อมหาลัย เธอกลับมาบ้านเพื่อเอาวุฒิการศึกษาไปสมัครเรียน เธอไม่คาดคิดว่าการกลับบ้านครั้งนี้ ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เธอโชคร้ายถูกชายฉกรรจ์ 5 คน ฉุดห่ามร่างเธอไปที่บ้านชายหนุ่มหลังหนึ่งในเกาะซุมบา เธอทั้งร้อง ทั้งอ้อนวอน แต่ไม่เป็นผล เธอร่ำร้องทั้งน้ำตาว่า…ฉันอยากเรียนต่อๆ เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์ห่ามร่างเธอเข้าไปในบ้าน จะมีผู้หญิงมาพรมน้ำที่หน้าผาก ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันมา เชื่อว่าน้ำจะทำให้เธอสงบลงและเลิกขัดขืน จากนั้นเธอต้องอยู่ในบ้านเพื่อรอเวลาจัดพิธีแต่งงาน โดยมีคนจัดเวรยามเฝ้าอย่างแน่นหนา เพื่อไม่ให้เธอหลบหนี เมื่อครอบครัวของ “ราติห์” ทราบเรื่องจึงเดินทางมาที่บ้านชายหนุ่ม เพื่อตกลงพูดคุยเรื่องงานแต่งงาน โดยที่เธอไม่มีสิทธิ์ออกเสียงแต่อย่างใด
รายที่สอง Mawar “มาวาร์” (นามสมมุติ) วัย 23 ปี มีลูกมีผัวแล้ว ลูกชายอายุ 10 เดือน ผัวไปทำงานต่างถิ่น เธอถูกชายฉกรรจ์กว่า 10 คน ฉุดขณะกำลังให้นมลูกอยู่หน้าบ้าน เธอถูกห่ามขึ้นรถกระบะ โดยทิ้งเด็กไว้ พ่อและพี่ชาย “มาวาร์” พยามเข้าช่วยเหลือ แต่สู้ชายฉกรรจ์กว่า 10 คนไม่ไหว โดยปกติการจับเจ้าสาวมาแต่งงาน จะไม่จับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เธอถูกเข้าใจผิดว่าโสด เพราะไม่เห็นผัวเธอที่ไปทำงานอยู่ต่างถิ่น แต่เมื่อจับไปแล้วก็ปล่อยเลยตามเลย เธอถูกพาไปที่บ้านชายหนุ่มหลังหนึ่ง เธอถูกชายหนุ่มข่มขืนทำเมีย จนทำให้แผลผ่าตัดทำคลอดบนหน้าท้องปริแตก ครอบครัวเธอพยามช่วยเหลือ โดยส่งตัวแทนเข้าไปเจราจาว่าเธอมีครอบครัวแล้ว แต่ไม่เป็นผล ขณะที่ลูกชายวัย 10 เดือนก็ร้องไห้หาแม่ เมื่อครอบครัวเห็นว่าหมดทางช่วยเหลือ จึงไปแจ้งความในข้อหาลักพาตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจ หัวหน้าชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน และมูลนิธิเพื่อเด็กและสตรี เข้าไปเจรจาจนสามารถช่วยเธอออกมาได้ และก็ต้องถอนแจ้งความเพราะเกรงกลัวอืทธิพล
ประเพณีจับเจ้าสาวมาแต่งงาน เดิมทีไม่ใช่การจับตัว แต่ฝ่ายชายจะหาทางให้ฝ่ายหญิงมาที่บ้าน โดยพ่อแม่ฝ่ายหญิงต้องรับทราบและยินยอม จากนั้นก็กักตัวฝ่ายหญิงไว้จนกว่าจะถึงพิธีแต่งงาน และระหว่างรอถ้าฝ่ายหญิงแสดงท่าที ขัดขืน ไม่ยินยอม ฝ่ายชายก็จะปล่อยตัวกลับไป หรือ บางครั้งฝ่ายชายจะเตรียมจัดพิธืแต่งงานรอไว้เลย และหาทางให้ฝ่ายหญิงไปที่บ้าน เมื่อมาถึงก็จะจับฝ่ายหญิงเข้าพิธีแต่งกันเดี๋ยวนั้นเลย จะเต็มใจหรือไม่ ไม่สำคัญ
ซึ่งการจับเจ้าสาวแต่งงาน ฝ่ายชายจะต้องจ่ายสินสอดให้ครอบครัวฝ่ายหญิงมากกว่าปกติหลายเท่าตัว และมีหลายครั้งที่ครอบครัวฝ่ายหญิงไปขอให้ฝ่ายชายมาจับตัวลูกสาวตัวเอง เพราะเห็นว่าฝ่ายชายฐานะดี
ต่อมาธรรมเนียมปฏิบัติถูกบิดเบือนไปตามกาลเวลา กลายเป็นว่าผู้ชายถูกใจผู้หญิงคนไหนก็ชวนพรรคพวกไปบังคับจับตัวพามาที่บ้าน โดยไม่สนใจว่าผู้หญิง จะมีลูก มีผัว มีครอบครัวอยู่แล้วหรือไม่ ครอบครัวฝ่ายหญิงจะยินยอมหรือไม่ และระหว่างรอพิธีแต่งงาน ผู้หญิงมักถูกทำร้ายและถูกล่วงละเมิดทางเพศ จนทำให้ผู้หญิงรู้สึกอับอาย ท้อแท้สิ้นหวัง จนยอมจำนนต่อชะตากรรม
โซเชียลเดือดเรียกร้องให้ยกเลิกการจับเจ้าสาวมาแต่งงาน นี่มันไม่ต่างอะไรกับการลักพาตัวผู้หญิงไปข่มขืน
รัฐมนตรีกระทรวงส่งเสริมศักยภาพสตรีและคุ้มครองเด็กของอินโดนีเซีย ถึงกับต้องพานักกฎหมายไปเยือนเกาะซุมบา เพื่อหารือกับผู้นำชุมชนในการยกเลิกธรรมเนียม จับเจ้าสาวแต่งงาน จนมีการลงนามข้อตกลงร่วมกัน 4 ฝ่าย เพื่อยกเลิกวัฒนธรรม ประเพณีพิลึกนี้ แต่ชาวบ้านจะปฏิบัติตามหรือเปล่า คงต้องรอดูกันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก
Poetry of Bitch
Lapaz Cho