ชัชชาติ ออกมาชี้แจงกรณีบ้านที่ซีแอตเทิล สหรัฐฯ เป็นของลูกชาย แสนปิติ โดยใช้เงินจากการขายที่ดินมรดกซื้อมา เคยแจ้ง ป.ป.ช.แล้ว ใช้ชื่อภรรยาก่อน เพราะลูกชายยังไม่บรรลุนิติภาวะ พออายุครบก็โอนให้ ตามขั้นตอนปกติไม่ได้ปิดบัง ย้ำทำถูกต้องทุกขั้นตอน ยันไม่กลัวถูกตรวจสอบ
จากกรณีโลกโซเชียลให้ข้อมูลว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. มีบ้านพักในเมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐฯ โดยเป็นบ้านหลังใหญ่ขนาด 2 ชั้น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ โดยอ้างบ้านหลังดังกล่าวมีมูลค่าถึง 72 ล้านบาท จนเป็นคำถามและกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล
ล่าสุดวันที่ 15 มิ.ย.65 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ชี้แจงประเด็นนี้ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า ประเด็นนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน บ้านหลังนี้เป็นของลูกชายคือนายแสนปิติ ถ้าย้อนไปเมื่อ 7 ปีก่อน ตนได้รับที่ดินมรดกย่านพระราม 4 โดยแบ่งกับพี่ชายคนละครึ่ง คือคนละไร่ โดยเรื่องนี้ชี้แจงป.ป.ช.แล้ว ต่อมาตนโอนให้ลูกชายทันที เพราะอยากให้ลูกมีทรัพย์สินในอนาคต จากนั้นมีคนขอซื้อจึงขายที่ดินแปลงดังกล่าวไป โดยตนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินและได้เงินมาก้อนหนึ่ง ซึ่งมีมูลค่าพอสมควร
นายชัชชาติ กล่าวว่า ต่อมานายแสนปิติไปเรียนที่สหรัฐฯ ซึ่งตนวิเคราะห์ว่าตอนนั้นอสังหาฯ ที่อเมริกาไม่แพงมาก และช่วงนั้นดอกเบี้ยต่ำ จึงใช้เงินที่ได้จากการขายที่ดินมรดกไปซื้อบ้านหลังดังกล่าว ตอนนั้นมูลค่าบ้านอยู่ที่ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นราคาไม่แพงมาก สำหรับสถานการณ์ตอนนั้นเทียบกับดอกเบี้ย โดยใส่เป็นชื่อของภรรยา เพราะลูกชายยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งการซื้อบ้านเพราะต้องการให้ลูกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและภรรยาก็ไปดูแลลูกที่สหรัฐฯด้วย
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า หลังจากลูกชายใกล้เรียนจบ จึงอยากจะขายบ้านดังกล่าว โดยทีมปรึกษากฎหมายแนะนำว่าให้โอนบ้านเป็นชื่อลูกชาย เพราะเป็นเรื่องการนับระยะเวลาของการอยู่ในบ้าน จะเสียภาษีถูกกว่า จึงทำเรื่องโอนไปตามปกติ มีหลักฐานชัดเจนและตรวจสอบได้ทางออนไลน์ ซึ่งลูกชายเป็นเจ้าของบ้านตัวจริงด้วย เนื่องจากใช้เงินของเขาซื้อ เป็นเรื่องตรงไปตรงมา โดยเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก เพราะจากบ้านราคา 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขึ้นมาในราคา 2 ล้านกว่าเหรียญ
“ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้ชี้แจง ยืนยันเรื่องดังกล่าวไม่มีอะไร มีหลักฐานชัดเจน ตั้งแต่การยื่นป.ป.ช. เรื่องที่ดิน หลักฐานการโอนที่ดินให้ลูก หลักฐานว่าศาลให้เราดูแลเงินก้อนนี้ให้ลูกชาย เพราะยังไม่บรรลุนิติภาวะ และการซื้อมีการโอนเงินมามีชื่อปรากฏอยู่ สามารถตรวจสอบได้ซื้อเท่าไหร่ โดยบ้านดังกล่าวตอนซื้อไม่ได้ซื้อ 70 ล้านบาท แต่ซื้อที่ราคาอยู่ที่ 40 กว่าล้านบาท ถ้าเทียบกับเงินที่เป็นของลูกชายที่ดินได้จากมรดก มีเหลือเยอะกว่านี้อีก ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
ขอบคุณ ข่าวสด/เนชั่น