ตำรวจ สภ.ท้ายเหมือง แจ้งข้อหาเบื้องต้น ไฮโซปลาวาฬ ขับรถโดยประมาท ทำให้ทรัพยสินผู้อื่นได้รับความเสียหาย กรณีซึ่งเก๋งหรูชนขอบทางก่อนเจอไฟลุกไหม้วอดทั้งคัน ด้านตำรวจจ่อเรียกมาจ่ายค่าปรับ ยืนยันจะไม่ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์เพราะขณะเกิดเหตุไม่ได้กลิ่น เชื่อแขวงการทางฯ คงเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหาย
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้รถหรูไฮโซปลาวาฬ บริเวณถนนเพชรเกษม โค้งบ้านขนิม ม.7 ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์ ยี่ห้อเบนท์ลีย์ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 ขษ 7426 กรุงเทพมหานคร ไฟไหม้ พบนายวรสิทธิ อิสสระ หรือ ไฮโซปลาวาฬ อายุ 40 ปี ทายาทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง เจ้าของโรงแรมศรีพันวาภูเก็ต แสดงตนเป็นผู้ขับขี่ และมี นายธนันชัย เดชจักรทิพย์ ชาว กทม. เป็นผู้โดยสาร ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบว่า เส้นทางดังกล่าวเป็นถนนเพชรเกษม สายตะกั่วป่า-ท้ายเหมือง เป็นทางโค้ง พบแผ่นการ์ดเรลราวเหล็กได้รับความเสียหาย และมีร่องรอยเบรคเป็นทางยาว ก่อนที่จะไปถึงจุดที่รถเกิดไฟไหม้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท้ายเหมือง ได้ลงตรวจจุดเกิดเหตุในเบื้องต้น ทำการเก็บพยานแวดล้อม พร้อมตรวจสอบวัตถุสิ่งของที่ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นพบการ์ดเรล หรือราวกั้นทางโค้งได้รับความเสียหาย มีความยาวประมาณ 30 เมตร
ส่วนรถเบนท์ลีย์คันที่เกิดเหตุ ทางเจ้าของรถได้ติดต่อบริษัทประกันยกรถไปเก็บไว้ที่อู่ในจังหวัดภูเก็ต เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่า ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์แต่อย่างใด เพราะเคสนี้ไม่มีคู่กรณี หรือผู้ได้รับบาดเจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โค้งดังกล่าวเป็นโค้งอันตราย มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง โดยผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งบอกกับทีมข่าวว่า ตนเองได้ผ่านเส้นทางดังกล่าวพบมีอุบัติเหตุ จึงจอดรถและลงไปดูเหตุการณ์ ซึ่งช่วงแรกไม่ทราบว่าเป็น ไฮโซปลาวาฬ แต่เห็นว่ามีอุบัติเหตุจึงเข้าสอบถามเพื่อต้องการช่วยเหลือ ได้สอบถามถึงอาการของคนขับและผู้โดยสาร ได้คำตอบว่า “ไม่เป็นอะไรมาก” จากนั้นเห็นว่าคนขับลุกลี้ลุกลนเนื่องจากเห็นมีควันขึ้นใต้ท้องรถคันเกิดเหตุ
โดยคนขับถามว่า “พี่มีน้ำในรถมั้ย” ซึ่งตนเองบอกว่ามีน้ำเพียงค่อนขวด หากนำมาดับควันไม่เพียงพอแน่ พร้อมแนะนำให้ไปเอาน้ำถังที่บ้านของชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ซึ่งเจ้าของรถได้ใช้น้ำถังสาดเข้าใต้ท้องรถเพื่อระงับควัน แต่ทำให้ควันกลับรุนแรงขึ้น ซึ่งในขณะที่เจ้าของรถกลับไปเอาน้ำมาเพิ่ม กลับมีเปลวเพลิงขึ้นจากใต้ท้องรถและลุกไหม้อย่างรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ตนเองจึงประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่าย ปภ. ของ อบต.ทุ่งมะพร้าว และ อบต.ท้ายเหมือง เข้าดับไฟจนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่สภาพรถคันดังกล่าวเสียหายจากไฟไหม้ทั้งคัน.
ขอบคุณ ไทยรัฐ/sanook.com