นายกรัฐมนตรี แถลง เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป อนุทิน ชี้ เปิดประเทศ 1 พ.ย.ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน หากระบาดใหม่จะมีมาตรการแก้ไขปัญหา
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ระบุว่าได้สั่งการให้ ศบค. และ สธ. ร่วมพิจารณามาตรการสำคัญในการเปิดประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามกำหนด 120 วัน ดังนี้
1. ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศโดยมาจากประเทศที่ไทยกำหนดว่าเป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ
2. เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย ทุกคนต้องแสดงตัวว่าปลอดเชื้อโควิด-19 โดยต้องมีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR โดยตรวจก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้งเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย หลังจากนั้นจึงสามารถเดินทางไปพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างอิสระเช่นเดียวกับที่คนไทยปกติทั่วไปสามารถทำได้
3. กำหนดรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัวไว้ที่อย่างน้อย 10 ประเทศ ซึ่งจะรวมประเทศ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และสหรัฐอเมริกา
4. ตั้งเป้าเพิ่มจํานวนประเทศให้มากขึ้นอีกภายในวันที่ 1 ธ.ค. 2564 และภายในวันที่ 1 ม.ค. 2565 จะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอย่างกว้างขวาง
5. ผู้มาจากประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศความเสี่ยง ยังให้การต้อนรับเข้าประเทศไทยแต่จําเป็นต้องมีการกักตัวตามเงื่อนไขและข้อกำหนด
6. ภายในวันที่ 1 ธ.ค. 2564 จะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ และจะอนุญาตให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสถานบันเทิงเปิดให้บริการได้ ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การพักผ่อนและบันเทิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่กําลังจะเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสปีใหม่
ทั้งนี้ เพื่อที่จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวมาในช่วงเทศกาลท่องเที่ยววันหยุดสิ้นปี 3 เดือนข้างหน้านี้ สนับสนุนการทำมาหากินของประชาชนนับล้านๆ คน ในภาคการท่องเที่ยว การเดินทาง ธุรกิจพักผ่อนหย่อนใจและบันเทิง รวมถึงภาคธุรกิจอื่นอีกมากมายที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเป้าหมายเดิมการเปิดประเทศใน 120 วัน ทุกภาคส่วนและคนไทยต่างร่วมมือ มีความพยายามอย่างเต็มที่ทุกวิถีทางเพื่อจัดหาวัคซีนมาให้ได้เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยจนถึงสิ้นปี 2564 จะมีวัคซีนมากกว่า 170 ล้านโดส เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมาก
“ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ประเทศไทยได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนสามารถภูมิใจได้ กับการมีส่วนร่วม ที่ทำให้ความสำเร็จนี้เกิดขึ้น และเกิดขึ้นถูกเวลา เพราะเป็นช่วงเวลาพร้อมๆ กับที่ประเทศอื่นเริ่มผ่อนคลายเงื่อนไขและข้อจำกัด ในการเดินทางของประชาชนของเขาด้วยเหมือนกัน นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ที่เราจะเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวให้เข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว”.
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 12 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้จะดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างไร ว่า เราเตรียมความพร้อมไว้ระดับหนึ่งและหารือในสธ. เพื่อสนองนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่แจ้งต่อประชาชน ส่วนการจะเปิดให้ 10 ประเทศเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัวนั้น ให้รอศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้หารือก่อนที่จะนำเสนอศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ซึ่งตนยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องของประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางสธ.ไม่ได้มีปัญหากับการเปิดประเทศยังสามารถรองรับเรื่องการรักษาได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้เหตุผลความสำคัญต่างๆ ซึ่งสธ.ต้องปฏิบัติตามนโยบายด้วยความระมัดระวังและเตรียมการให้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีระบุว่าเมื่อเปิดไปแล้วมีความเสี่ยงและหากมีโควิด-19สายพันธุ์ใหม่ก็ต้องมีมาตรการเข้ามารองรับ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี พูดว่าเพื่อถ้ามีสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาและสถานการณ์ไม่ดีก็ค่อยว่ากัน พูดง่ายๆว่าเปิดได้แต่ถ้าดูแล้วไม่ดีก็พร้อมจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาต่อไป เราต้องยืดหยุ่นถ้าไปกำหนดไว้หมดว่าพูดอย่างนี้ต้องทำอย่างนั้นเท่านั้นถอยหลังไม่ได้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็รออย่างนี้ไปดีกว่าซึ่งก็ไม่ดีเพราะรัฐบาลต้องการจะแก้ปัญหาในทุกมิติ
เมื่อถามว่าหากเปิดสถานบันเทิงและร้านเหล้าคนจะเข้าไปใช้บริการได้เหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กรมควบคุมโรคคงต้องหามาตรการแต่เราต้องดูว่าเปิดแล้วมีความเสี่ยงหรือไม่ ถ้าเสี่ยงก็ต้องหามาตรการมาดูแล เช่น โควิดฟรีเซตติ้งคือทุกคนต้องฉีดวัคซีนทั้งผู้ให้บริการ ลูกค้าและสถานที่นั้นต้องปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรคแต่เวลานี้ยังไม่ได้หารือในส่วนการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในส่วนของสถานบันเทิงก็ต้องปฏิบัติในแนวเดียวกัน
เมื่อถามว่าสธ.ประเมินหรือไม่ว่าหลังเปิดประเทศไปแล้วมีแนวโน้มที่จะต้องกลับมาปิดประเทศอีกครั้ง นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จะปิดหรือเปิดต้องดูสถานการณ์ที่ผ่านมาเราทำทุกอย่างใช้มาตรการเข้มข้น เพื่อควบคุมสถานการณ์เมื่อควบคุมได้ก็เร่งปล่อยในแต่ละจุดแต่ละพื้นที่ก็คงใช้หลักนี้เหมือนกันถ้าเปิดประเทศแล้วเขียนข้อกำหนดไว้ว่าต้องปฏิบัติอย่างนี้ และไม่ปฏิบัติตามเรามีสิทธิ์ที่จะปิดได้ ของพวกนี้ต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่และประชาชนถ้าร่วมมือกันทุกฝ่ายและเคารพกฎหมายก็จะไม่เกิดปัญหาการติดเชื้อโควิด-19 ยิ่งผับบาร์เป็นที่ที่ต้องระวังให้มากเพราะมีการสัมผัสใกล้ชิดจับต้องสิ่งของจึงต้องหามาตรการที่ทำให้ปลอดภัยสูงสุด
ขอบคุณ ไทยรัฐ/มติชน