ฝากเงิน 3.5 ล้าน พอจะถอนเงินหาย 8 แสน โวยธนาคารหลอกคนป่วยโยกเงินไปลงทุนในกองทุน ขาดทุนยับ

ลูกค้าธนาคารโวย ฝากเงินไว้กับธนาคารที่ศรีสะเกษ กว่า 3.5 ล้าน ตอนไปถอนพบเงินหาย 8 แสน เพิ่งรู้ถูกโยกไปเข้ากองทุน แถมตัวกองทุนยังขาดทุนยับ

 

 

 

วันที่ 19 กันยายน 2565 ลูกสาวเจ้าของบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ตระกาจ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ทำการบันทึกเสียงขณะโทรศัพท์ไปพูดคุยสอบถามกับผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.กันทรลักษ์ ถึงเรื่องที่แม่อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเวช ได้ฝากเงินไว้กับธนาคาร 2 บัญชี คือ เงินฝากออมทรัพย์ จำนวนกว่า 5.2 แสนบาท กับเงินฝากประจำ จำนวน 3 ล้านบาทเศษ ซึ่งฝากต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2554

 

แทบเป็นลม “ชาวบ้าน” โวยฝากเงิน 3.5 ล้าน หาย 8 แสน งงธนาคารโยกไปกองทุนไม่บอก

        

ทว่า เดือนกรกฎาคม 2565 มีความจำเป็นจะต้องใช้เงินจึงไปธนาคารเพื่อถอนเงินบางส่วน แต่เมื่อขอดูยอดเงินในบัญชีกลับพบว่าเงินหายไปกว่า 8 แสนบาท จึงขอพบผู้จัดการธนาคารแห่งนั้น แต่ไม่ได้พบ โดยพนักงานธนาคารที่ปฏิบัติงานอยู่แจ้งว่า ผู้จัดการไปติดต่อลูกค้านอกสำนักงาน

 

แทบเป็นลม “ชาวบ้าน” โวยฝากเงิน 3.5 ล้าน หาย 8 แสน งงธนาคารโยกไปกองทุนไม่บอก

        

จากนั้นได้เดินทางไปธนาคารอีก 5 ครั้ง จึงได้พบกับผู้จัดการ และสอบถามจนรู้ว่าเงินที่เข้าใจว่าฝากไว้ในบัญชีธนาคาร แท้จริงถูกโยกย้ายไปอยู่ในกองทุนแล้ว ซึ่งเป็นกองทุนของธนาคารแห่งนั้นทั้งที่เจ้าของบัญชีไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้รับเอกสารใดให้มาศึกษาก่อนลงทุน แม้แต่ตอนที่เงินถูกโยกไปเข้ากองทุนก็ไม่มีการส่งเอกสารกองทุนมาให้ศึกษาหรือเก็บเป็นหลักฐาน ที่สำคัญกองทุนดังกล่าวกำลังขาดทุน ทำให้เงินที่ถูกโยกไปใช้ลงทุนมูลค่าหายไป 8 แสนบาท

        

ทั้งนี้ ลูกค้าเป็นเพียงเกษตรกร ไม่รู้หลักการลงทุน เรียนจบแค่ ป.6 เมื่อเรื่องแดง จึงให้ลูกสาวโทรศัพท์คุยขอคำชี้แจงจากธนาคารและขอเอกสารทั้งหมดมาดู จากนั้นได้นำเอกสารเป็นหลักฐานไปแจ้งความที่ สภ.กันทรลักษ์ เนื่องจากเชื่อว่า พนักงานธนาคารแห่งนี้หลอกลวงลูกค้าให้ลงทุน เพื่อหวังผลงานของพนักงานและผลงานธนาคารเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงลูกค้าจะเข้าใจเรื่องกองทุนหรือไม่

 

แทบเป็นลม “ชาวบ้าน” โวยฝากเงิน 3.5 ล้าน หาย 8 แสน งงธนาคารโยกไปกองทุนไม่บอก

        

ทั้งนี้ ยอมรับว่าลงชื่อในเอกสารจริง แต่ไม่ได้ศึกษาเอกสาร ไม่ทราบเรื่องลงทุนเพราะไม่มีเอกสารมาให้ดูขณะที่ลงชื่อ จึงต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุดจนกว่าธนาคารจะออกมาชี้แจง และชดเชยเงินที่หายไปให้กับตน

        

ด้าน ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี เล่าว่า เมื่อปี 2563 ได้มีพนักงานธนาคารมาแนะนำเงินที่ฝากไว้มีดอกผลได้น้อย จึงแนะให้ฝากอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งพนักงานจะทำให้ดอกผลได้มาก ๆ เพราะที่ผ่านมาเงินฝากไม่ได้ถอนไปไหนคงยอดไว้ตลอด

        

ตอนแรกตนปฏิเสธและขอฝากแบบเดิม เพราะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ แต่พนักงานธนาคารก็เดินทางมาหาที่บ้านบ่อยมาก และเชิญชวนให้ตนเข้าไปที่ธนาคาร พอตนว่างก็เลยเข้าไปพนักงานก็พยายามชี้แจงเรื่องต่าง ๆ ให้รับฟัง แต่ตนฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเครียดจากการทำงานอีกทั้งต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลและต้องทานยาหมอมาอย่างต่อเนื่อง พอพนักงานธนาคารชี้แจงแล้วก็ให้ตนลงชื่อในเอกสาร ตนก็ลงชื่อแต่โดยดี โดยไม่ทราบว่าเอกสารอะไรบ้าง รับรู้แค่ว่า เดี๋ยวพนักงานธนาคารจะสร้างดอกผลจากเงินฝากนี้ให้

        

กระทั่งเวลาผ่านไปตนก็ไม่ได้ไปสนใจถอนเงินมาใช้ จนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีความประสงค์จะใช้เงินก้อนจึงไปถอนเงิน ทางธนาคารกลับบอกว่า ถอนยังไม่ได้ เพราะเงินไม่ได้ฝากแต่อยู่ในกองทุน ตนก็ไม่เข้าใจจึงกลับมาบ้านมาเล่าให้สามีและลูกสาวฟัง และพากันไปธนาคารอีก 3-4 วันติด ๆ ก่อนพบผู้จัดการ และได้ทราบเรื่องทั้งหมด ตนตกใจมากจึงได้ขอถอนเงินที่เหลือทั้งหมดออกมาก่อน ก่อนที่เงินจะหมดเกลี้ยงบัญชี

        

ทั้งนี้ ผู้เสียหายยืนยันว่า พนักงานธนาคารไม่ได้ชี้แจง ไม่ได้บอกเรื่องความเสี่ยง เรื่องการลงทุนตนไม่เคยรับรู้เลย ตนเข้าใจมาตลอดว่าเงินถูกฝากในรูปแบบของเงินฝากแบบระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน ไม่เคยรู้ว่าเงินไปลงทุนอยู่ในกองทุน รู้แค่ว่าเงินตนเป็นเงินฝาก และได้ดอกเบี้ยเงินฝากเพียงอย่างเดียว ซึ่งวันนี้ตนรู้แล้ว จึงอยากให้ธนาคารออกมารับผิดชอบ

 

 

 

ขอบคุณ Kapook/เนชั่นทีวี/ ข่าวช่องวัน