มนุษย์ป้าข้างบ้าน พาหมามาอึหน้าบ้านคนอื่นกว่า 2 ปี เคยพูดคุยเจรจากันแล้ว ติดป้ายแล้ว แต่ก็ยังคงนิ่งเฉย
เพจเฟซบุ๊กชื่อว่า “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ version2 by kim” โพสต์ข้อความว่า “หมาคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน รักได้เลี้ยงได้ แต่ต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน พาอึหน้าบ้านคนอื่นไม่พอ แล้วยังมาต่อเถียงต่อคำอีก”
โดยเล่าเรื่องราวว่า “สวัสดีค่ะ ขออนุญาติเล่าเรื่องราวของมนุษย์ป้าข้างบ้านค่ะ ว่าควรจะทำยังไงคะ เรื่องสุนัขมาอึฉี่ข้างบ้านเราแจ้งประธานชุมชนไปหลายรอบเเล้วก็เหมือนเดิมค่ะ มีคลิปวิดีโอซึ่งมาด่าเรา ไม่ทราบว่าพอจะลงได้ไหมคะ แต่ก่อนบริเวณข้างบ้านมีหญ้าขึ้น พอตัดถางก็เอาหมามาอึฉี่ทุก ๆ วัน 4-5 ตัว ตอนนี้ได้ทำบริเวณข้างบ้านไว้ปลูกผักล้อมผักไว้ ซึ่งตัดปัญหาที่นำหมามาอึฉี่ แต่ก็ยังเอามาเหมือนเดิม ได้เขียนป้ายติดบอกไว้แต่เจ้าของหมาไม่พอใจมาด่าว่าเราตามคลิป ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้เราไม่ได้ตอบโต้อะไรไป เสียสุขภาพจิตมากค่ะตอนนี้ ช่วยแชร์เรื่องราวด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
ล่าสุดวันที่ 9 มี.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยัง หมู่บ้านเอื้ออาทรคลอง 9 ต.บึงสนั่น อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านของผู้เสียหายโดยลักษณะบ้าน เป็นหมู่บ้านจัดสรร
ทีมข่าวเข้าสอบถาม น.ส.พชรกร แก้วสอาด อายุ 21 ปี ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค.64 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 07.00 น. น.ส.ทศวรรณ ได้จูงหมามาที่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งมีลักษณะจูงหมามาอึฉี่หน้าบ้านของตน ซึ่งตนพยามเตือนและสั่งห้ามแล้ว แต่น.ส.ทศวรรณ ไม่ยอมฟัง และยังจูงหมามาตลอดทุกวัน 3 เวลา ช่วงสาย ช่วงบ่าย และช่วงเย็น จนตนรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก จึงใช้โทรศัพท์ถ่ายเป็นคลิปไว้เป็นหลักฐาน เพราะมาก่อเหตุในลักษณะนี้ทุกครั้ง จนทนไม่ไหว
โดยหลังจากที่คลิปเผยแพร่ออกไป ทางน.ส.ทศวรรณ ได้เดินมาที่หน้าบ้านของตน พร้อมกับใช้คำพูดและน้ำเสียงที่ไม่ดี ซึ่งสาเหตุที่จูงหมามาอึฉี่ที่หน้าบ้านของตน ส่วนตัวคิดว่าอาจจะมาจากที่ตนล้อมรั้วปลูกผักไว้ที่หน้าบ้าน เนื่องจากกันไม่ให้หมาของน.ส.ทศวรรณ มาอึฉี่ที่บริเวณหน้าบ้าน เพราะการกระทำลักษณะดังกล่าวเป็นมานานแล้ว 2 ปี แต่เมื่อตนล้อมรั้วเป็นพื้นที่ปลูกผัก น.ส.ทศวรรณ ก็มีพฤติกรรมนำหมามาอึฉี่แบบนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนพยายามเตือนหลายครั้งแล้ว พูดคุยเจรจากันแล้ว แต่ทางน.ส.ทศวรรณ ก็ยังคงนิ่งเฉย และก่อเหตุแบบนี้อย่างต่อเนื่อง กระทั่งได้ไปแจ้งความ พร้อมกับลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ธัญบุรี และแจ้งไปยังสาธารณสุขของต.บึงสนั่น ให้มาดำเนินการ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการมาเรียก เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ แต่ทางน.ส.ทศวรรณ ไม่ยอมออกมา
น.ส.พชรกร ยังกล่าวต่ออีกว่า ส่วนตัวไม่อยากที่จะมีปัญหากับเพื่อนบ้านในเรื่องลักษณะแบบนี้ และอยากจะฝากเตือนคนที่ก่อเหตุด้วยว่า ในหมู่บ้านเป็นพื้นที่สาธารณะ ควรที่จะเกรงอกเกรงใจกันบ้าง ไม่ควรที่จะทำให้บ้านของคนอื่นเดือดร้อน เพราะทุกวันนี้บ้านของตนก็มีลูกน้อยอยู่ด้วย อีกทั้งบริเวณด้านหน้าก็เป็นพื้นที่ทำครัว จนบางครั้งเดือดร้อนเรื่องกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เข้าไปที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านของผู้ก่อเหตุ หรือเจ้าของหมา โดยบ้านอยู่ตรงข้ามกันกับบ้านของผู้เสียหายหรือเจ้าของโพสต์ ระยะห่างของบ้านทั้ง 2 หลังเพียง 5 เมตรเท่านั้น
ทีมข่าวจึงสอบถาม น.ส.ทศวรรณ (สงวนนามสกุล) กล่าวยืนยันว่า ตนไม่เคยกระทำในลักษณะดังกล่าวตามที่ถูกกล่าวหา ในวันเกิดเหตุตนได้จูงหมาของตน 1 ตัว พาออกมาเดินเล่นช่วงเช้า ซึ่งตนก็พาหมาของตนออกไปเดินเล่นเป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยมีใครมีปัญหาอะไรกับตน เพราะส่วนใหญ่สุนัขจะฉี่และอึ บริเวณบ้านใครบ้านมัน ถ้าช่วงไปเดินเล่น เกิดสุนัขฉี่หรืออึในซอย ตนซึ่งเป็นเจ้าของหมาก็จะเก็บกวาดทำความสะอาดทันที มีเพียงบ้านที่โพสต์คลิปหลังเดียวที่มีปัญหากับตนทุกครั้ง
โดยหลังจากคลิปถูกเผยแพร่ที่ออกไป ทำให้คนเข้าใจผิด คิดว่าตนนำหมาไปฉี่หน้าบ้านของ น.ส.พชรกร แต่ความจริงคือ แค่พาหมาไปเดินเล่นในซอย ซึ่งระหว่างนั้น น.ส.พชรกร ได้พูดจาประชดประชันตน จึงรู้สึกโมโหพูดตอกกลับไปเพื่อยั่วโมโห ในทำนองว่าให้หมาของตนฉี่ ตามที่น.ส.พชรกร พูดออกมา ซึ่งในวันที่เกิดเหตุ หมาก็ของตนก็ไม่ได้กระทำการดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแค่พูดยั่วยุกลับไปเท่านั้น
สำหรับบ้านของตน เลี้ยงสุนัขทั้งหมด 4 ตัว โดยเป็นหมาจรจัดที่ตนเก็บมาจากข้างถนน เพราะส่วนตัวเป็นคนรักสุนัข ดังนั้นตนจึงรู้สึกงงที่เจ้าของโพสต์บอกว่า ทนกับความเดือดร้อนมานานกว่า 2 ปี ซึ่งหมาทั้ง 4 ตัว ตนเพิ่งจะนำมาเลี้ยงรักษาได้แค่ 5-6 เดือน ส่วนตัวก็รู้สึกงงและแปลกใจว่าเจ้าของโพสต์ต้องการอะไร บ้านทุกหลังในซอยก็ไม่มีใครมีปัญหาในเรื่องนี้เลย
ทั้งนี้ที่สำคัญทุกวันนี้ตนต้องดูแล รักษาหมาที่เก็บมาทั้ง 4 ตัว อยู่ตลอดเวลา บางตัวเป็นมะเร็งพยาธิในลำไส้ จึงต้องให้น้ำเกลือ และยาตลอด รวมค่าใช่จ่ายจำพวกน้ำเกลือ ยา อาหารหมาเดือนละ 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวยังได้ไปสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่อาศัยในซอยเดียวกัน ก็ยืนยันคล้ายกัน และมองว่าการอยู่รวมกันต้องค่อย ๆ พูดค่อย ๆ คุยกัน มีอะไรก็อะลุ้มอล่วยกัน ให้อภัยกัน
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวสอบถามข้อกฎหมายจาก ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความอิสระ บอกว่า กรณีพาสุนัขออกมาขับถ่ายบนพื้นที่สาธารณะ จะมีพ.ร.บ.รักษาความสะอาด ปรับไม่เกิน 1,000 และหากไปก่อความเดือนร้อนรำคาญในที่สาธารณะ มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน