เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ข้อกําหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15)
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป เป็นคราวที่ 8 จนถึงวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564 นั้น
โดยที่รัฐบาลได้ดําเนินมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันและระงับยับยั้งการระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) มาอย่างต่อเนื่อง ทําให้การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว ได้ผลดีขึ้นเป็นลําดับ อย่างไรก็ตาม เมื่อปัจจุบันพบการระบาดของโรคระลอกใหม่ขึ้นในบางเขตพื้นที่
รัฐบาลจึงมีความจําเป็นที่จะต้องดําเนินการกระชับและยกระดับบรรดามาตรการต่างๆ ที่จําเป็น เพื่อเข้าแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันมิให้เกิดการระบาดลุกลามเป็นวงกว้างต่อไป อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกําหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 การห้ามใช้หรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดโรค ห้ามประชาชนใช้ เข้าไป หรือ อยู่ในพื้นที่ สถานที่ หรือพาหนะที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคตามที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อได้ประกาศหรือสั่งตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพื่อป้องกันและควบคุมมิให้เกิดการแพร่ของโรค
ข้อ 2 การปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดออกคําสั่งโดยอาศัยอํานาจตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 พิจารณาสั่งปิด สถานที่ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดโรคและการแพร่ของโรคไว้เป็นการชั่วคราว
ข้อ 3 การห้ามชุมนุม ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทํากิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทําการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ภายใน เขตพื้นที่ที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงประกาศ กําหนด
ข้อ 4 มาตรการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดําเนินการ เฝ้าระวัง ตรวจและคัดกรองการเดินทางและการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรการ ที่นายกรัฐมนตรีกําหนดตามข้อเสนอของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้ มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ข้อ 5 การปฏิบัติและบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค ให้ส่วนราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดําเนินการเพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนปฏิบัติ ตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ได้เคยกําหนดไว้ในข้อกําหนด (ฉบับที่ 11) ลงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 และข้อกําหนด (ฉบับที่ 14) ลงวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563 อย่างเคร่งครัด
ข้อ 6 การประสานงาน ให้ ศปก.ศบค. ซึ่งมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นผู้อํานวยการศูนย์ ทําหน้าที่เป็นหน่วยปฏิบัติการขับเคลื่อน เร่งรัด และติดตามการปฏิบัติงาน ของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือในการปฏิบัติงาน ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถยุติลงได้โดยเร็วควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ ภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 พิจารณามาตรการและเร่งรัดการปฏิบัติการตามหน้าที่และอํานาจเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่รวดเร็ว และชัดเจนเป็นรูปธรรม รวมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติงานของ ศปก.ศบค. ตามที่ได้รับการร้องขอ หรือประสานงาน
ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดําเนินการทั้งในส่วนของประชาชนและพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อกําหนดนี้ ให้หารือ ศปก.ศบค. และคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้ มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตามลําดับ
ข้อ 7 เพื่อให้การกําหนดมาตรการป้องกันโรคเป็นไปในแนวทางเดียวกัน การออกประกาศ หรือคําสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัดตามข้อ 1 หรือข้อ 2 เพื่อการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินนี้ ให้ดําเนินการตามมาตรการหรือแนวปฏิบัติที่นายกรัฐมนตรีหรือตามที่ ศบค. กําหนด
ให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันพิจารณาประเมินและกําหนดพื้นที่สถานการณ์เพิ่มเติมเพื่อการบริหารจัดการ และเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดใหม่ ตามแนวทางและเงื่อนไขการจัดเขตพื้นที่ สถานการณ์ที่ ศบค. กําหนด และเสนอต่อ ศปก. ศบค. และนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
ข้อ 8 ให้บรรดาประกาศหรือคําสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อเพื่อการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นคําสั่งตามข้อกําหนดนี้
ให้บรรดาประกาศหรือคําสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อเพื่อการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ได้ประกาศหรือสั่งไว้ก่อนวันที่ข้อกําหนดนี้ใช้บังคับซึ่งถือว่าเป็นประกาศหรือสั่งตามข้อกําหนด ที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ยังมีผลบังคับใช้ต่อไปเช่นเดิม จนกว่าจะได้มีข้อกําหนด ประกาศ หรือคําสั่งเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป.
ขอบคุณไทยรัฐ